คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาประนีประนอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 506 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3604/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนสัญญาซื้อขายเนื่องจากฉ้อฉลและขัดต่อสัญญาสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ฟ้องบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสองมิได้ให้การโต้แย้งถึงความมีอยู่หรือความสมบูรณ์ของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว กรณีต้องถือว่าจำเลยทั้งสองรับแล้วว่าจำเลยที่ 1 กับโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 (3) ดังนั้น กรณีจึงถือว่าสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลบังคับระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาและผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 นั่นคือ การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ด้วยเหตุนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 เข้าผูกพันตนตามสัญญากับโจทก์ยอมยกที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้เป็นของบุตรทั้งสองเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยจำเลยที่ 1 จะไม่โอนขายบ้านและที่ดินดังกล่าวเด็ดขาดแม้ว่าสัญญาดังกล่าวจะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือ บุตรทั้งสอง และบุคคลภายนอกตามที่ระบุไว้ในสัญญายังมิได้แสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นเพราะยังไม่ได้บรรลุนิติภาวะตามเงื่อนไขในสัญญาก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ยังคงต้องผูกพันตนตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะย้อนมาอ้างสิทธิว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสหรือไม่อย่างไรไม่ได้ เพราะสิทธิของจำเลยที่ 1 ตามที่มีอยู่เดิมเหนือที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวได้ระงับสิ้นไปแล้ว จำเลยที่ 1 จึงได้แต่สิทธิและพันธะหน้าที่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3357/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย, การครอบครองปรปักษ์, สิทธิในการฟ้องขับไล่, และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อ ข. ถึงแก่ความตายย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ข. ที่จะเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงที่มีชื่อ ข. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่เมื่อโจทก์ที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ถึงแก่ความตายระหว่างฎีกา จึงไม่สามารถบังคับโจทก์ที่ 3 ได้ คงได้แต่อาศัยคำพิพากษาศาลแสดงเจตนาแทนโจทก์ที่ 3 ตามคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2472/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนกระบวนพิจารณาเนื่องจากใบแต่งทนายความปลอม และสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยไม่ได้ลงนาม
การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตั้งแต่รับใบแต่งทนายความที่มีการปลอมลายมือชื่อของจำเลยทั้งสาม มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยทั้งสาม จนกระทั่งมีคำพิพากษาตามยอม ย่อมเป็นการหลงผิดไป กระบวนพิจารณาและคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นย่อมเป็นการไม่ชอบ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมาย มิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 138 ที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนและคำพิพากษาตามยอมไม่มีผลผูกพันจำเลยทั้งสาม อันเป็นเรื่องการพิจารณาที่ผิดระเบียบ กรณีเช่นนี้ เมื่อความปรากฏต่อศาลฎีกา และศาลฎีกาเห็นสมควร ย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง เมื่อวินิจฉัยมาดังกล่าวจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่า จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 วรรคสอง ของประมวลกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ เพราะไม่ทำให้อำนาจของศาลที่จะสั่งตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง เปลี่ยนแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6509/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสจากสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และการแบ่งมรดก
เมื่อขณะที่ศาลจังหวัดชลบุรีได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ท. กับจำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ให้แก่ ท. นั้น ท. กับโจทก์เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ ท. จะถึงแก่ความตายไปก่อนที่จะถึงกำหนดจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความและปัจจุบันยังมิได้มีการจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความกับพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้สิทธิของ ท. ที่จะได้รับที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วต้องสูญสิ้นไป และสิทธิที่จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่ ท. กับโจทก์ได้มาในระหว่างสมรส จึงเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 (1) ซึ่งย่อมมีผลทำให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11852 เนื้อที่ 3 ไร่ ที่ ท. จะได้รับตามสิทธินั้นตกเป็นสินสมรสระหว่าง ท. กับโจทก์ด้วยเช่นเดียวกัน โจทก์จึงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ท. ในที่ดินดังกล่าวคนละครึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17838/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผิดนัด สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจำกัดเฉพาะผู้ผิดสัญญา
เดิมโจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการครูฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการครูและผู้ใต้บังคับบัญชาโจทก์ ในความผิดทางอาญาฐานเบิกความเท็จ นำสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และความผิดทางแพ่งในมูลละเมิดเรียกค่าเสียหาย ในคดีแพ่งคู่ความสามารถตกลงกันได้โดยจะไปดำเนินการถอนเรื่องที่ยื่นฟ้องกันไว้ที่ศาลปกครองทั้งหมด รวมถึงคดีแพ่งและคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นนี้ โดยจะไม่นำมาฟ้องร้องอีกเว้นแต่จะเกิดการกระทำขึ้นใหม่ ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ถอนฟ้องและถอนอุทธรณ์ในคดีอาญา แต่จำเลยทั้งสองไม่ถอนฟ้องคดีที่ฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่น เนื่องจากโจทก์มิได้เพิกถอนคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนจำเลยทั้งสองและคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ การที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาในส่วนของข้อตกลงที่ให้ไปถอนเรื่องที่อยู่ในระหว่างดำเนินการทั้งหมดรวมทั้งเรื่องที่ยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองขอนแก่น ระบุเพียงว่า โจทก์จำเลย (หมายถึงจำเลยที่ 1 ในคดีนี้) เท่านั้น โดยมิได้ระบุให้จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ (ซึ่งอยู่ในห้องพิจารณาด้วย) ไปยื่นคำร้องขอถอนเรื่องด้วย ข้อตกลงตามรายงานดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และย่อมไม่ถือว่าจำเลยที่ 2 ผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 แต่สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงย่อมตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์
ส่วนความรับผิดในค่าเสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์คดีที่ฟ้องโจทก์แล้วย่อมไม่ทำให้โจทก์เสียหายมากนัก เห็นควรไม่กำหนดค่าเสียหายในกรณีที่โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญาแล้ว ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลปกครองนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยังมีสิทธิฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่น โจทก์จึงยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลดังกล่าวเช่นเดิม การที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีต่อไปฟังไม่ได้ว่าเป็นความเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 ส่วนค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของโจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายส่วนนี้จึงไม่อาจกำหนดได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องล้มละลาย: ผลของการชำระหนี้บางส่วนและการสะดุดหยุดของอายุความ
การนำมูลหนี้ตามคำพิพากษามาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 193/32 ให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี ในการนับอายุความนั้น มาตรา 193/12 บัญญัติว่า อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีนี้ศาลมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 กำหนดให้จำเลยผ่อนชำระหนี้เป็นงวด งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 12 ตกลงผ่อนชำระงวดละไม่น้อยกว่า 20,000 บาท โดยเริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 30 กรกฎาคม 2542 ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่การชำระหนี้งวดแรกเช่นนี้การเริ่มนับอายุความจึงเริ่มนับแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2542 แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์หลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายได้ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2545 ดังนั้น การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนย่อมมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้วระยะเวลาที่ล่วงพ้นไปก่อนนั้นย่อมไม่นับเข้ามาในอายุความตามมาตรา 193/15 การที่โจทก์นำมูลตามคำพิพากษาตามยอมมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 จึงยังไม่ล่วงพ้นอายุความตามมาตรา 193/32 โจทก์จึงมีสิทธินำหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10872/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันสมควรและการบังคับคดี
การที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาล และศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว โจทก์และจำเลยทั้งสองย่อมมีเจตนาตรงกันที่จะให้สัญญาประนีประนอมยอมความสำเร็จลงสมประสงค์ของทั้งสองฝ่าย ข้อความสำคัญของสัญญาประนีประนอมในข้อ 2 คือ จำเลยทั้งสองจะชำระเงินจำนวน 3,900,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสองปฏิบัติการชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์แล้ว ย่อมเป็นอันบรรลุวัตถุประสงค์ตามสัญญาข้อ 2 นั้น ส่วนที่มีข้อความว่า โดยจำเลยทั้งสองจะชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ เมื่อจำเลยทั้งสองสามารถขายที่ดินโฉนดเลขที่ 6244 เรียบร้อยแล้ว หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีทันทีนั้นเป็นเพียงการอธิบายขยายความวิธีการชำระหนี้ของจำเลยทั้งสองว่ามีวิธีการหาเงินมาชำระหนี้โดยการขายที่ดิน ข้อความดังกล่าวมิใช่เงื่อนไขการชำระหนี้ และเป็นสัญญาที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ไว้ จำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความภายในระยะเวลาอันสมควร การที่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจนเวลาล่วงเลยไปนานถึง 7 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมเป็นเวลาที่นานเกินสมควร และถือได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเหตุให้โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7355/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก อายุความ 10 ปี
โจทก์ (จำเลยในคดีนี้) ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ บ. ซึ่งเป็นบุตร น. เพื่อยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับมรดกของ น. โดยตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีการตกลงแบ่งทรัพย์สินกันหลายรายการ และมีข้อตกลงให้โจทก์ (จำเลยในคดีนี้) รับผิดชอบชำระหนี้สินที่มีต่อธนาคาร และหนี้สินการค้าผลไม้ซึ่งหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่ารวมหนี้ที่มีต่อโจทก์ด้วย อันเป็นเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งในการยุติข้อพิพาท และ บ. ตกลงยอมรับและยุติข้อพิพาทด้วยข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ (จำเลยในคดีนี้) กับ บ. ดังกล่าวจึงมีส่วนหนึ่งที่มีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกตามป.พ.พ. มาตรา 374 รวมอยู่ด้วย เมื่อจำเลยตกลงยอมรับผิดชอบชำระหนี้การค้าผลไม้ซึ่งรวมหนี้ที่มีต่อโจทก์ด้วย โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ได้และการที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เท่ากับเป็นการแสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว
สัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกตามป.พ.พ. มาตรา 374 ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7355/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30
จำเลยเคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ บ. บุตรของ น. ในคดีที่พิพาทกันเรื่องมรดกของ น. โดยตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันหลายรายการและมีข้อตกลงให้จำเลยรับชำระหนี้ของ บ. ที่มีต่อธนาคารและหนี้สินในการค้าผลไม้ซึ่งมีหนี้ที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้รวมอยู่ด้วย ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นประโยชน์แก่โจทก์ซึ่งไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงมีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ตาม ป.พ.พ. 374 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ได้โดยตรงตามบทบัญญัติดังกล่าว
การที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกเท่ากับโจทก์แสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ มิใช่กรณีโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเรียกค่าผลไม้ในฐานะผู้ประกอบการค้าซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) คดีของโจทก์จึงมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5831/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับจำนองในการรับชำระหนี้จากการบังคับคดีทรัพย์สินจำนอง แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความ
ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลโดยจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินต่อผู้ร้องตามคำฟ้องและขอผ่อนชำระหนี้ หากผิดนัดยอมให้ผู้ร้องยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องจนครบถ้วน และศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว การที่จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินต่อผู้ร้องหนี้ประธานจึงยังไม่ระงับไปและจำเลยยังตกลงว่าหากจำเลยผิดนัด ให้ผู้ร้องยึดทรัพย์จำนองอันเป็นประกันหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง เป็นการที่จำเลยยอมรับผิดตามสัญญาจำนองอันเป็นหนี้อุปกรณ์ด้วย ดังนี้ เมื่อหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินอันจำนองเป็นประกันยังไม่ระงับสิ้นไป หนี้ตามสัญญาจำนองจึงยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองมีสิทธิขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289
of 51