พบผลลัพธ์ทั้งหมด 931 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้จำเลยออกจากที่ควบคุมเพื่อทำธุระส่วนตัว ไม่ถือเป็นการหลบหนี
จำเลยซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ ได้รับอนุญาตให้ไปถ่ายอุจจาระที่ป่าไผ่นอกหมู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีการควบคุม. ถึงแม้จำเลยจะหนีไปในระหว่างเวลานั้น. จะถือว่าจำเลยหลบหนีการควบคุมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้ต้องได้รับอนุญาต แม้ปริมาณน้อย กฎหมายแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับการมีไม้แปรรูป
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิด แม้มีปริมาณน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีอนุญาต
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้ต้องได้รับอนุญาต แม้ปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ยกเว้นกรณีมีไม้แปรรูป
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน. กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น. เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบทรัพย์ที่มิได้เป็นความผิดในตัว
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เป็นเรื่องที่ให้ริบทรัพย์ชนิดที่กฎหมายบัญญัติว่าถ้าทำหรือมีไว้แล้วก็ต้องเป็นความผิด เมื่อปืนของกลางเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องจำเลยซึ่งมิใช่เจ้าของปืนนำมาครอบครองไว้ จึงคงเป็นความผิดในส่วนที่ตนมิได้รับอนุญาตเท่านั้น จึงไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 32 อันจะพึงสั่งริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เข้าข่ายต้องริบ หากปืนมีทะเบียนถูกต้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เป็นเรื่องที่ให้ริบทรัพย์ชนิดที่กฎหมายบัญญัติว่าถ้าทำหรือมีไว้แล้วก็ต้องเป็นความผิด เมื่อปืนของกลางเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องจำเลยซึ่งมิใช่เจ้าของปืนนำมาครอบครองไว้ จึงคงเป็นความผิดในส่วนที่ตนมิได้รับอนุญาตเท่านั้น จึงไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 32 อันจะพึงสั่งริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: ไม่เข้าข่ายริบทรัพย์ เพราะปืนมีทะเบียนถูกต้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เป็นเรื่องที่ให้ริบทรัพย์ชนิดที่กฎหมายบัญญัติว่าถ้าทำหรือมีไว้แล้วก็ต้องเป็นความผิด. เมื่อปืนของกลางเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องจำเลยซึ่งมิใช่เจ้าของปืนนำมาครอบครองไว้. จึงคงเป็นความผิดในส่วนที่ตนมิได้รับอนุญาตเท่านั้น. จึงไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 32 อันจะพึงสั่งริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง และการดำเนินคดีกับจำเลยร่วม
เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยและจำเลยร่วมแล้วแม้จำเลยและจำเลยร่วมจะคัดค้านไม่ยอมให้ถอน แต่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาลในการที่จะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร เพราะศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 175 วรรคสอง
ในคดีที่ศาลอาจยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเพื่อวินิจฉัย แล้วพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรจะยกขึ้นหรือไม่ก็ได้
ในคดีที่ศาลอาจยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเพื่อวินิจฉัย แล้วพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรจะยกขึ้นหรือไม่ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการจำหน่ายทรัพย์สินที่ถูกจำกัดสิทธิโดย พ.ร.ฎ.แนวทางหลวง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการบังคับคดีสามารถทำได้หากได้รับอนุญาต
จำเลยฎีกาขอให้สั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดจากจำเลย โดยอ้างว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกโจทก์นำยึดจะขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล เป็นที่ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับของพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งได้มีประกาศห้ามทำการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในเขตส่วนกว้างของแนวทางหลวงหนึ่งพันเมตร โดยการขาย แลกเปลี่ยน ให้ หรือโดยประการอื่น ฯลฯ นั้น ถือว่า แม้ที่ดินจะตกอยู่ภายใต้พระราชกฤษฎีกาตามที่จำเลยอ้าง แต่ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2482 มาตรา 57 ซึ่งบัญญัติให้นำมาตรา 46 มาใช้บังคับในกรณีนี้โดยอนุโลม ก็ได้บัญญัติโดยมีข้อยกเว้นไว้ว่าถ้าได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าหน้าที่แล้ว ก็ย่อมจำหน่ายจ่ายโอนกันได้ มิให้บังคับไว้เด็ดขาด และกรณีเช่นนี้ จำเลยก็ไม่มีสิทธิ์จะร้องขอให้งดการขาย เพราะเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ตกอยู่ในบังคับที่เจ้าหนี้มีสิทธิ์จะขอให้ยึดมาใช้หนี้ได้ ทั้งเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องดำเนินการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรในโรงงานเดิม ไม่ถือเป็นการตั้งโรงงานใหม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตั้งโรงงานสีข้าวก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยตั้งโรงงานโดยได้รับอนุญาตอยู่แล้ว เพียงแต่จำเลยเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ที่ใช้ในโรงงานเดิมเท่านั้น ไม่ถือว่าตั้งโรงงานขึ้นใหม่ ดังนี้ จำเลยจึงไม่ผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่รับอนุญาต