พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็นอันยุติแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่โต้แย้งคำสั่งภายในกำหนดตามกฎหมาย ทำให้ฎีกาในประเด็นดังกล่าวตกไป
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็น อันยุติแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี – ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่ง – การพิจารณาใหม่
โจทก์ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ และศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วโจทก์มาร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีต้องดำเนินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 2 ซึ่งศาลชอบที่จะไต่สวนให้ทราบข้อเท็จจริงเพื่อมีคำสั่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
คำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั้น ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลนั้นด้วย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 ฉะนั้น คำร้องขอที่แสดงเพียงเหตุที่จำเลยมาศาลตามกำหนดนัดมิได้แต่อย่างเดียว ศาลย่อมยกคำร้องขอนั้นเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
คำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั้น ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ฉะนั้น คำร้องขอที่แสดงเพียงเหตุที่จำเลยมาศาลตามกำหนดนัดมิได้แต่อย่างเดียว ศาลย่อมยกคำร้องขอนั้นเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498-499/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีขาดนัด และข้อจำกัดการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายใหม่
บทบัญญัติใน ป.วิ.พ.มาตรา 198 มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ อ้างฎีกาที่ 1464/2495
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชัดแจ้งครบถ้วน
คำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย จะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ซึ่งหมายความว่าจะต้องกล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้งทั้ง 2 ประการ คือ ทั้งเหตุที่ได้ขาดนัดและทั้งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลด้วย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยกล่าวในคำร้องท้าวถึงคำให้การจำเลยเพียงสั้น ๆ ว่า "และคำให้การของจำเลยก็มีข้อต่อสู้พอที่จะชนะคดีโจทก์" คำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ในอันที่ศาลจะพึงสั่งอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยกล่าวในคำร้องท้าวถึงคำให้การจำเลยเพียงสั้น ๆ ว่า "และคำให้การของจำเลยก็มีข้อต่อสู้พอที่จะชนะคดีโจทก์" คำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ในอันที่ศาลจะพึงสั่งอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างละเอียดชัดเจน
คำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย จะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ซึ่งหมายความว่าจะต้องกล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้งทั้ง 2 ประการ คือ ทั้งเหตุที่ได้ขาดนัดและทั้งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลด้วย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยกล่าวในคำร้องท้าวถึงคำให้การจำเลยเพียงสั้นๆ ว่า "และคำให้การของจำเลยก็มีข้อต่อสู้พอที่จะชนะคดีโจทก์" คำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ในอันที่ศาลจะพึงสั่งอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยกล่าวในคำร้องท้าวถึงคำให้การจำเลยเพียงสั้นๆ ว่า "และคำให้การของจำเลยก็มีข้อต่อสู้พอที่จะชนะคดีโจทก์" คำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ในอันที่ศาลจะพึงสั่งอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการสืบพยานฝ่ายเดียว ศาลมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีได้
ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรค 2 ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา หาใช่ให้ศาลต้องคอยฟังเหตุผลจากฝ่ายนั้นก่อนไม่
ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยขาดนัดพิจารณา หากไม่มีเหตุให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 นั้น จะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาล ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ามาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้
ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาล จึงไม่ใช่กรณีที่จะให้จำเลยสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรค 3 (1) ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณา (อ้างฎีกาที่ 976/2497, 250/2501).
ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยขาดนัดพิจารณา หากไม่มีเหตุให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 นั้น จะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาล ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ามาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้
ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาล จึงไม่ใช่กรณีที่จะให้จำเลยสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรค 3 (1) ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณา (อ้างฎีกาที่ 976/2497, 250/2501).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีแพ่ง: ผลกระทบต่อสิทธิในการสืบพยานและคำพิพากษา
ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาหาใช่ให้ศาลต้องคอยฟังเหตุผลจากฝ่ายนั้นก่อนไม่
ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วจำเลยขาดนัดพิจารณา หากไม่มีเหตุให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 นั้นจะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ามาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้
ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาลจึงไม่ใช่กรณีที่จะให้จำเลยสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 3(1) ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณา (อ้างฎีกาที่ 976/2497,250/2501)
ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วจำเลยขาดนัดพิจารณา หากไม่มีเหตุให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 นั้นจะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ามาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้
ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาลจึงไม่ใช่กรณีที่จะให้จำเลยสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 3(1) ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณา (อ้างฎีกาที่ 976/2497,250/2501)