คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อตกลง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4522/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และข้อตกลงทางแพ่ง สัญญาจำนองย่อมบังคับได้ตามข้อตกลง
การที่โจทก์นำสืบว่าหนี้เงินกู้ตามสัญญาจำนองส่วนหนึ่งเป็นมูลหนี้เดิมระหว่างสามีโจทก์กับบิดาจำเลย แต่ได้มีการตกลงกันระหว่างสามีโจทก์และจำเลย โดยจำเลยยอมรับใช้หนี้จำนวนที่บิดาจำเลยเป็นหนี้สามีโจทก์ก่อนตาย รวม กับเงินอีกจำนวนหนึ่งซึ่งจำเลยขอกู้เพิ่มและได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นเจ้าหนี้เงินกู้จำนวนดังกล่าว การนำสืบของโจทก์เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงแปลงหนี้อันเป็นที่มาของหนี้ตามสัญญาจำนอง จึงไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องฐานผิดสัญญา: การคืนเช็คและการชำระหนี้เกินจำนวน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตกลงจะคืนเช็คให้แก่โจทก์เมื่อโจทก์จ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 แล้ว จำเลยที่ 2ที่ 3 ไม่นำเช็คมาคืนแก่โจทก์ ในที่สุดโจทก์ถูกฟ้องตาม พ.ร.บ.เช็คพ.ศ. 2497 และต้องใช้เงินแก่ผู้ทรงเช็ค ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผิดสัญญาโดยไม่คืนเช็คตามข้อตกลงโจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฐานผิดสัญญาซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่น ต้องใช้อายุความ 10 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4369/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำงานเกินเวลา: การได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมแรงงาน ทำให้ข้อตกลงสภาพการจ้างเดิมมีผลเหนือกว่ากฎหมายแรงงานทั่วไป
เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมแรงงานให้ลูกจ้างของจำเลยทำงานเกินวันละแปดชั่วโมง แล้ว จึงถือว่าการทำงานตามกำหนดเวลาเช่นว่านั้นเป็นเวลาปกติของวันทำงาน โจทก์จะได้รับค่าจ้างค่าครองชีพ และค่าจ้างคำนวณตามระยะทางเดินรถ อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโจทก์หามีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับเวลาที่ทำงานเกินวันละแปดชั่วโมง อีกไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงสภาพการจ้างรัฐวิสาหกิจภายใต้มติคณะรัฐมนตรี: ผลบังคับเมื่อมติออกหลังข้อตกลง
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดได้กำหนดให้มีการจ่ายเงินที่แตกต่างไปจากทางราชการอยู่ก่อนแล้วก็ให้เป็นไปตามเดิม แต่ถ้าจะกำหนดให้มีการจ่ายเงินสวัสดิการหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักเกณฑ์นอกเหนือไปจากที่มีอยู่ให้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง จำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรีนั้น ดังนี้ แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่า จำเลยจะจ่ายเงินช่วยเหลือบุตรเพิ่มให้แก่พนักงาน เมื่อพนักงานช่วยกันปฏิบัติหน้าที่จนมีผลให้ลดการรั่วไหลของน้ำเพิ่มขึ้นนับจากวันทำข้อตกลงกันและข้อตกลงนั้นมีผลใช้บังคับก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติดังกล่าวแล้วผลการดำเนินงานจะเป็นไปเช่นข้อตกลงก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่าก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติข้างต้น จำเลยยังไม่ได้จ่ายเงินหรือปฏิบัติไปตามข้อตกลงเลยและเมื่อกระทรวงการคลังไม่อนุญาตให้จ่ายเงินตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวตามที่จำเลยได้ขอไป ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเช่นว่านั้นจึงไม่มีผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงสภาพการจ้างที่ขัดแย้งกับมติคณะรัฐมนตรีเรื่องสวัสดิการรัฐวิสาหกิจ: ข้อตกลงไม่มีผลบังคับ
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดได้กำหนดให้มีการจ่ายเงินที่แตกต่างไปจากทางราชการอยู่ก่อนแล้วก็ให้เป็นไปตามเดิม แต่ถ้าจะกำหนดให้มีการจ่ายเงินสวัสดิการหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักเกณฑ์นอกเหนือไปจากที่มีอยู่ให้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง จำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรีนั้น ดังนี้ แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่า จำเลยจะจ่ายเงินช่วยเหลือบุตรเพิ่มให้แก่พนักงาน เมื่อพนักงานช่วยกันปฏิบัติหน้าที่จนมีผลให้ลดการรั่วไหลของน้ำเพิ่มขึ้นนับจากวันทำข้อตกลงกันและข้อตกลงนั้นมีผลใช้บังคับก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติดังกล่าว แล้วผลการดำเนินงานจะเป็นไปเช่นข้อตกลงก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่าก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติข้างต้น จำเลยยังไม่ได้จ่ายเงินหรือปฏิบัติไปตามข้อตกลงเลยและเมื่อกระทรวงการคลังไม่อนุญาตให้จ่ายเงินตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวตามที่จำเลยได้ขอไป ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเช่นว่านั้นจึงไม่มีผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3466/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อตกลงนอกเหนือจากสัญญาซื้อขาย การปฏิเสธการชำระหนี้เมื่ออีกฝ่ายผิดสัญญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนเอกสารเท่านั้น จำเลยซื้อที่ดินรายพิพาทจากโจทก์ โดยจดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลหนี้ซื้อขายที่ดินพิพาทกับโจทก์ แบ่งชำระเงินเป็น 3 งวด แต่จำเลยไม่ชำระราคาที่ดินตามข้อตกลงบุริมสิทธิในงวดสุดท้าย โดยนำสืบถึงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรายพิพาท และสัญญาระหว่างโจทก์กับ ก. ว่าโจทก์ตกลงรับจัดการให้ ก. จดทะเบียนภาระจำยอมถนนผ่านที่ดินของ ก. ให้ใช้ถนนนั้นจากที่ดินพิพาทออกสู่ถนนสาธารณะ ซึ่งโจทก์ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวเสียก่อน จึงเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการจดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และมิใช่การนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตาม มาตรา 94 (ข).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3466/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อตกลงนอกสัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ขัดต่อหลักมาตรา 94 ว.พ.พ. และผลต่อการปฏิบัติตามสัญญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนเอกสารเท่านั้น จำเลยซื้อที่ดินรายพิพาทจากโจทก์ โดยจดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลหนี้ซื้อขายที่ดินพิพาทกับโจทก์ แบ่งชำระเงินเป็น 3 งวด แต่จำเลยไม่ชำระราคาที่ดินตามข้อตกลงบุริมสิทธิในงวดสุดท้าย โดยนำสืบถึงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรายพิพาท และสัญญาระหว่างโจทก์กับ ก. ว่าโจทก์ตกลงรับจัดการให้ ก. จดทะเบียนภาระจำยอมถนนผ่านที่ดินของก. ให้ใช้ถนนนั้นจากที่ดินพิพาทออกสู่ถนนสาธารณะ ซึ่งโจทก์ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวเสียก่อน จึงเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการจดทะเบียนบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และมิใช่การนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตาม มาตรา 94(ข).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการไม่ถอนฟ้องคดีเช็ค แม้มีการผ่อนชำระหนี้ แต่ไม่มีข้อตกลงถอนฟ้องเมื่อชำระหนี้ครบ
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ศาลลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มีการตกลงกันว่าจำเลยขอผัดผ่อนการชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจ ลงโทษจำเลยต่อไป ไม่มีข้อตกลงว่า เมื่อโจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแล้วจำเลยจะถอน ฟ้อง หรือจะถอน ฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายเกินกำหนดเวลาในข้อตกลงเกือบ 2 เดือนจึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอถอน ฟ้อง ดังนั้นการที่โจทก์ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลย คดีต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน หากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ย่อมรับฟังข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3140/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจ้างแรงงาน: ข้อตกลงในใบสมัครงานเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา, อายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164
คำฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารของโจทก์สาขาตลาดพลู มีหน้าที่ตามที่จำเลยได้สัญญาไว้ในใบสมัครงาน คือจะปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาด้วยความขยันหมั่นเพียรและซื้อสัตย์สุจริต หากประพฤติผิดคำรับรองใดๆ โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างได้ทันทีและจำเลยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ข้อความในใบสมัครงานถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ในคำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุว่าให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามสัญญาจ้างด้วย ถือว่าเป็นการบรรยายฟ้องเพื่อขอให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ ทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิด ซึ่งสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานกฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้กำหนดอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมยอมความแบ่งมรดก: การสละสิทธิและผลผูกพันตามกฎหมาย
หนังสือซึ่งบิดาโจทก์ในฐานะทายาททำให้ผู้จัดการมรดกไว้มีข้อความว่าผู้จัดการมรดกตกลงยกปั๊มน้ำมันซึ่งลงทุนก่อสร้างด้วยทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกให้เป็นสิทธิดำเนินการของบิดาโจทก์ และจะได้โอนสิทธิการเช่าที่ดินที่ตั้งปั๊มน้ำมันให้แก่บิดาโจทก์ด้วยบิดาโจทก์พอใจทรัพย์สินที่ได้รับส่วนแบ่ง และไม่ติดใจจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไปขอสละสิทธิส่วนของมรดกทุกอย่าง ดังนี้ เมื่อบิดาโจทก์เข้าดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันแล้ว แม้จะไม่มีการโอนสิทธิการเช่าที่ดินก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสาระสำคัญข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันคู่สัญญา และเป็นการประนีประนอมยอมความในการแบ่งปันทรัพย์มรดก ย่อมมีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 852 และ 1750 โจทก์ผู้เป็นทายาทของบิดาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก
of 118