พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างเมาสุรา: ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ขณะเกิดเหตุต่างเมาสุรากันทุกฝ่าย จำเลยคนหนึ่งตีผู้ตายทีหนึ่งแล้วต่อมาจำเลยอีกคนหนึ่งจึงได้ขึ้นเรือนมาเอาไม้ตีผู้ตายอีก ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ วินิจฉัยว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลเสียโฉมติดตัว ถือเป็นบาดเจ็บสาหัสตามกฎหมาย
ถูกขว้างด้วยตะบองที่โหนกแก้มแผลเป็นกว้างครึ่งเซ็นติเมตร ยาว 4 เซ็นติเมตร ศาลชั้นต้นบันทึกบาดแผลไว้ว่า ให้ผู้ถูกทำร้ายอยู่ห่าง 2 วาก็เห็นแผลเป็นได้ชัด ศาลพิเคราะห์แล้วเป็นบาดแผลเสียโฉม ดังนี้เมื่อตามสำนวนไม่ปรากฏเป็นอย่างอื่น ก็ต้องถือว่าบาดแผลเสียโฉมติดตัวอันเป็นบาดแผลสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีและใช้แสตมป์สุราปลอมเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา แม้โจทก์มิได้อ้าง พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งให้กรมสรรพสามิตจัดทำแสตมป์สุราขึ้นใช้ในสมัยที่ใช้ พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2486 นั้น หาจำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวงเสียก่อนดังเช่น พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493บังคับไว้ ก็สมบูรณ์และย่อมถือว่าแสตมป์สุรานั้นเป็นบัตรตาม กฎหมายแล้ว ผู้ใดมีไว้หรือใช้แสตมป์สุราปลอม ย่อมมีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง แม้โจทก์ไม่อ้างพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ กฎหมายให้ไว้ดังกล่าว
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง แม้โจทก์ไม่อ้างพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ กฎหมายให้ไว้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และการทำร้ายร่างกายจากการไล่เป็ดในนา ไม่ถึงเจตนาฆ่า
เป็ดของผู้เสียหายฝูงหนึ่งเข้าไปหากินในนาของจำเลยซึ่งปลูกต้นข้าวไว้ จำเลยจึงใช้ไม้ขว้างไปเพื่อไล่เป็ดเผอิญไม้ถูกเป็ดตายตัวหนึ่ง ไม้ที่ขว้างก็มิใช่ไม้ใหญ่โตอะไรอันจะทำให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจงใจจะฆ่าเป็ดจึงย่อมจะเอาผิดจำเลยในทางอาญาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์เกินกว่าเหตุและการทำร้ายร่างกาย แม้ตกลงค่าสินสอดก่อนหน้า
ผู้เสียหายกับพวกมาเอาโคของจำเลย ซึ่งผู้เสียหายถือว่าจำเลยตกลงให้เป็นค่าสินสอดแก่ผู้เสียหาย จำเลยไม่ยอมให้ผู้เสียหายจึงเข้าไปจับโคในคอกของจำเลย ๆ จึงไ้ดใช้ดาบฟันผู้เสียหาย 3 ที จำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรจำเลยคนแรกเข้ามาใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายอีก 1 ที ผู้เสียหายมีบาดเจ็บถึงสาหัสดังนี้ แม้ผุ้เสียหายจะไม่มีสิทธิจะมาเอาโคนั้นไปโดยพละการแต่มูลกรณีที่ว่า จำเลยตกลงให้โคเป็นค่าสินสอดก็มีอยู่จริงจำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายถึง 3 ทีติด ๆ กัน แล้วจำเลยผู้เป็นบุตรยังมาช่วยฟันอีก 1 ที จนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงสาหัส การกระทำของจำเลยนับว่าเป็นการรุนแรงและเกินควรแก่เหตุในการป้องกันทรัพย์มีผิดตามมาตรา 256 , 53 ก.ม.ลักษณะอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามปล้นทรัพย์และการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยกับพวกรวมกันกว่า 3 คน มีสาตราวุธมาเรียกผู้เสียหายในเวลาดึก เพื่อทำการชิงทรัพย์ แต่หากผู้เสียหายรู้ทันไม่ยอมเปิด และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับเสียก่อน ทั้งพวกจำเลยยังได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงาน เพื่อให้หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาอีก ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก vs. ป้องกันภัยสาธารณะ: การกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ถือเป็นความผิดอาญา
การกระทำอันจะเป็นผิดตามมาตรา 328 ก.ม.ลักษณะอาญานั้นจะต้องเป็นการกระทำที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา 327 อันเป็นหลักทั่วไปในเรื่องความผิดฐานบุกรุก คือ ผู้กระทำมีเจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ของเขาอันจะพึงเคลื่อนจากที่มิได้นั้นโดยความปกติสุข
จำเลยพาราษฎรไปขุดร่องชักน้ำในเขตต์นาของโจทก์ ทำให้เนื้อที่นาของโจทก์พังเสียหาย แต่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันมิให้น้ำในลำห้วยน้ำแก่นทำลายฝายหลวงอันเป็นเหมืองสาธารณะ ซึ่งจะทำให้เกิดเสียหายแก่นาราษฎรมากมายหลายตำบล ดังนี้ จำเลยหาได้มีเจตนาที่จะมิให้โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความปกติสุขแต่ประการใดไม่ หากแต่จำเลยได้กระทำไปเพื่อบำบัดป้องกันภยันตรายแก่สาธารณะ อันแลเห็นอยู่ว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 327 และจำเลยย่อมไม่มีผิดตามมาตรา 328 และการเสียหายที่จะเกิดขึ้น ย่อมนับได้ว่า เป็นภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ซึ่งบุคคลอาจทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายนี้ได้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 450 และการที่จำเลยกระทำนี้ ก็ไม่เกินสมควรแก่เหตุ จะว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 324 อีกด้วย.
จำเลยพาราษฎรไปขุดร่องชักน้ำในเขตต์นาของโจทก์ ทำให้เนื้อที่นาของโจทก์พังเสียหาย แต่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันมิให้น้ำในลำห้วยน้ำแก่นทำลายฝายหลวงอันเป็นเหมืองสาธารณะ ซึ่งจะทำให้เกิดเสียหายแก่นาราษฎรมากมายหลายตำบล ดังนี้ จำเลยหาได้มีเจตนาที่จะมิให้โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความปกติสุขแต่ประการใดไม่ หากแต่จำเลยได้กระทำไปเพื่อบำบัดป้องกันภยันตรายแก่สาธารณะ อันแลเห็นอยู่ว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 327 และจำเลยย่อมไม่มีผิดตามมาตรา 328 และการเสียหายที่จะเกิดขึ้น ย่อมนับได้ว่า เป็นภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ซึ่งบุคคลอาจทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายนี้ได้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 450 และการที่จำเลยกระทำนี้ ก็ไม่เกินสมควรแก่เหตุ จะว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 324 อีกด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในความผิดอาญาที่ศาลยกฟ้องแล้วเนื่องจากไม่มีพยาน
ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพะยานมาให้ศาลสืบในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์จะกลับมาฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ ดังนี้ เป็นคำพิพากษาที่เสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 39 ข้อ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินรางวัลสลากกินแบ่งฯ ต้องมีมอบหมายให้ดูแลรักษาเงินจึงจะเป็นความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์,จำเลยว่าหุ้นส่วนกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากถูกรางวัลที่ 2 เป็นเงินสี่หมื่นบาท จำเลยรับเงินจากกองสลากกินแบ่งแล้ว จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินสองหมื่น ส่วนได้ของโจทก์ให้แก่โจทก์ จำเลยเจตนาทุจจริตเบียดบังยักยอกเงินจำนวนนี้ ดังนี้ โจทก์ไม่ได้ไว้ใจจำเลย,ไม่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษาหรือเก็บเงินไว้ จึงไม่เป็นคดีอาญา ศาลไม่รับฟ้องไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แม้จะมีการทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์ ศาลลงโทษได้ตามฟ้อง
เข้าไปยกหีบบรรจุทรัพย์ซึ่งวางอยู่บนร้านที่เจ้าทรัพย์นอนต่อหน้าเจ้าทรัพย์ผู้กำลังนั่งอยู่ที่ร้านนั้น พอคว้าหีบเจ้าทรัพย์ก็แย่งไว้ หีบจึงหลัดตกน้ำลงไปกลับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าทรัพย์แล้วหนีไปแต่ตัวดังนี้ เป็นผิดฐานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่