พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวเนื่อง ศาลไม่รับฟ้อง
ฟ้องกล่าวอ้างว่า เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัย สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จึงบอกเลิกสัญญาเช่า และให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไป แต่จำเลยเพิกเฉยคงอยู่ในที่ดินโดยละเมิด ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์แจ้งว่าจะปรับปรุงการจัดผลประโยชน์ในที่ดินใหม่ เสร็จแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อไปเป็นทำนองให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า ดังนี้ หาใช่เรื่องเกี่ยวกันไม่ เพราะคำมั่นไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่หมดอายุไปแล้ว หรือมูลละเมิดที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3363/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในการทำร้ายร่างกาย, ความผิดหลายกรรมต่างกัน, และความสมบูรณ์ของคำฟ้อง
จำเลยแทงผู้เสียหายหลายครั้งติด ๆ กัน ครั้งแรกแทงถูกที่ด้านหลังบริเวณหัวไหล่ ผู้เสียหายล้มลง พอลุกขึ้นจำเลยก็แทงที่ใต้รักแร้ข้างซ้ายซึ่งเป็นบริเวณใกล้หัวใจ เมื่อมีดหักจำเลยยังใช้ส่วนที่เหลือแทงบริเวณหลังผู้เสียหายอีก 3 ครั้ง มีดมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดถึง 9 นิ้ว เป็นมีดสำหรับปอกผลไม้มีปลายแหลมสามารถใช้เป็นอาวุธทำร้ายร่างกายถึงตายได้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
รายงานผลการชันสูตรบาดแผลแม้จะเป็นภาษาอังกฤษก็เป็นเพียงส่วนประกอบของคำฟ้องที่บอกลักษณะของบาดแผล ซึ่งโจทก์จะนำสืบว่าผู้เสียหายได้รับบาดแผลอย่างใด และภาษาอังกฤษนั้นมีความหมายเช่นไรในชั้นพิจารณาได้ ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับเอามือจับแขนผู้เสียหายลากลงบันได เมื่อผู้เสียหายขัดขืนและร้องให้คนช่วย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายโดยจำเลยมีเจตนาขึ้นใหม่ เพื่อจะฆ่าผู้เสียหายอันเป็นการปกปิดการกระทำของจำเลยหรือให้การกระทำของจำเลยบรรลุผลตามที่จำเลยมีเจตนามาแต่แรกว่าจะเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร การกระทำความผิดของจำเลยมีเจตนาคนละตอน จึงเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน
รายงานผลการชันสูตรบาดแผลแม้จะเป็นภาษาอังกฤษก็เป็นเพียงส่วนประกอบของคำฟ้องที่บอกลักษณะของบาดแผล ซึ่งโจทก์จะนำสืบว่าผู้เสียหายได้รับบาดแผลอย่างใด และภาษาอังกฤษนั้นมีความหมายเช่นไรในชั้นพิจารณาได้ ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับเอามือจับแขนผู้เสียหายลากลงบันได เมื่อผู้เสียหายขัดขืนและร้องให้คนช่วย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายโดยจำเลยมีเจตนาขึ้นใหม่ เพื่อจะฆ่าผู้เสียหายอันเป็นการปกปิดการกระทำของจำเลยหรือให้การกระทำของจำเลยบรรลุผลตามที่จำเลยมีเจตนามาแต่แรกว่าจะเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร การกระทำความผิดของจำเลยมีเจตนาคนละตอน จึงเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งงดไต่สวนมูลฟ้อง, คำฟ้องไม่ชัดเจน, และการไม่มีอำนาจฟ้องในคดีอาญา
การไต่สวนมูลฟ้องเป็นอำนาจของผู้พิพากษานายเดียวตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ม.22 เมื่อผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเห็นว่าตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่อาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่อ้างได้การไต่สวนมูลฟ้องต่อไปไม่เป็นประโยชน์แก่คดีย่อมมีอำนาจสั่งให้งดการไต่สวนมูลฟ้องได้ แม้ว่ารองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญามีคำสั่งให้นัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้วก็ตาม
ฟ้องว่าจำเลยสอบสวนพยานและบันทึกเสนอข้อความบิดเบือนความจริง และบันทึกข้อความนอกสำนวน เมื่อมิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร บิดเบือนอย่างไร ข้อความใดที่ว่านอกสำนวน จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตาม ป.ว.อ. มาตรา158(5)
การที่จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการสอบสวนโจทก์กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ไม่รายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อสอบสวนเอาผิดแก่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วย โจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยสอบสวนพยานและบันทึกเสนอข้อความบิดเบือนความจริง และบันทึกข้อความนอกสำนวน เมื่อมิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร บิดเบือนอย่างไร ข้อความใดที่ว่านอกสำนวน จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตาม ป.ว.อ. มาตรา158(5)
การที่จำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการสอบสวนโจทก์กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ไม่รายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อสอบสวนเอาผิดแก่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วย โจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2738/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชัดเจนเรื่องวันทราบและฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ทำให้ศาลลงโทษปรับรายวันไม่ได้
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีบทลงโทษให้ปรับเป็นรายวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ มาตรา 67, 69, และ 70 โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานนี้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่18 กันยายน 2524 จำเลยซึ่งได้รับคำสั่งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างและจำเลยได้รับทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ระงับการก่อสร้างภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใด การที่โจทก์กล่าวรวมกันมาทั้งวันทราบคำสั่งและวันฝ่าฝืนคำสั่งว่าอยู่ในระยะเวลาเดียวกันเช่นนี้ จำเลยอาจทราบคำสั่งในวันสุดท้ายของระยะเวลาที่โจทก์กล่าวหาจำเลยก็ได้ เมื่อโจทก์ไม่บรรยายในคำฟ้องว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2738/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชัดเจนเรื่องวันทราบและฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ทำให้ศาลลงโทษปรับรายวันไม่ได้
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีบทลงโทษให้ปรับเป็นรายวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ มาตรา 67,69, และ 70 โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานนี้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1ถึงวันที่ 18 กันยายน 2524 จำเลยซึ่งได้รับคำสั่งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างและจำเลยได้รับทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ระงับการก่อสร้างภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใด การที่โจทก์กล่าวรวมกันมาทั้งวันทราบคำสั่งและวันฝ่าฝืนคำสั่งว่าอยู่ในระยะเวลาเดียวกันเช่นนี้ จำเลยอาจทราบคำสั่งในวันสุดท้ายของระยะเวลาที่โจทก์กล่าวหาจำเลยก็ได้ เมื่อโจทก์ไม่บรรยายในคำฟ้องว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างค่าจ้างต่อเติมนอกแบบที่ไม่ต้องบรรยายในคำฟ้อง หากจำเลยยกข้อต่อสู้เรื่องการชำระหนี้แล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างก่อสร้างอาคารที่ค้างชำระ กับอ้างว่าจำเลยยังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรวมสิบรายการจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระให้ครบถ้วนแล้ว และนำสืบถึงการชำระเงินให้โจทก์สี่ครั้ง โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบว่าการชำระหนี้ดังกล่าวของจำเลยเป็นการชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบครั้งที่หนึ่ง ไม่ใช่การชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรายที่ฟ้องอันเป็นการนำสืบหักล้างโดยไม่จำต้องกล่าวบรรยายไว้ในคำฟ้อง และไม่ถือว่าเป็นการสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2475/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการนำสืบหักล้างค่าจ้างต่อเติมนอกแบบ แม้มิได้กล่าวบรรยายในคำฟ้อง หากจำเลยอ้างชำระแล้ว ย่อมนำสืบได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างก่อสร้างอาคารที่ค้างชำระ กับอ้างว่าจำเลยยังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรวมสิบรายการจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระให้ครบถ้วนแล้ว และนำสืบถึงการชำระเงินให้โจทก์สี่ครั้ง โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบว่าการชำระหนี้ดังกล่าวของจำเลยเป็นการชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบครั้งที่หนึ่ง ไม่ใช่การชำระค่าจ้างต่อเติมนอกแบบรายที่ฟ้องอันเป็นการนำสืบหักล้างโดยไม่จำต้องกล่าวบรรยายไว้ในคำฟ้อง และไม่ถือว่าเป็นการสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้งในคดีแพ่ง: การฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม
ประเด็นตามฟ้องมีว่า โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยกระทำการเกินขอบเขตที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยเดินผ่านทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่จำเลยฟ้องแย้งให้ห้ามโจทก์เปิดประตูรั้วออกมาทางทางเดินรายพิพาท และแกล้งเปิดประตูรั้วกระทบจำเลยและครอบครัว กับห้ามโจทก์และบริวารปารั้วสังกะสีของโจทก์ทำให้จำเลยและบริวารตกใจ จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยจะต้องฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหลักฐานการซื้อขายที่ไม่ตรงกับคำฟ้อง: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการนำสืบว่าสามีและลูกจ้างสั่งซื้อเครื่องอะไหล่ไม่ขัดกับคำฟ้องที่จำเลยเป็นผู้ซื้อ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ แล้วนำสืบว่าสามีจำเลยและจำเลยเป็นผู้สั่งให้พยานโจทก์ไปเอาเครื่องอะไหล่รถยนต์จากร้านโจทก์มาซ่อมรถยนต์ซึ่งเป็นของจำเลยและสามี ซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นผู้ซื้อเครื่องอะไหล่รถยนต์จากโจทก์ โจทก์จึงนำสืบได้ไม่เป็นการขัดกับคำฟ้อง และไม่เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองปรปักษ์ต้องยกขึ้นเป็นข้ออ้างโดยตรงในคำฟ้อง หากมิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่สามารถพิพากษาให้ได้
การครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยเกี่ยวข้องโดยโจทก์มิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เลย จำเลยให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินจำเลย คดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียงว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองมากว่า 10 ปี แล้วอยู่ในเขตที่ดินตราจองของจำเลยซึ่งจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ ศาลก็จะพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น