พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งค่าเสียหายต้องเป็นไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหลังศาลมีคำพิพากษา ไม่ใช่เงื่อนไขก่อนมีคำพิพากษา
ฟ้องแย้งทำนองว่า หากจำเลยจะต้องออกจากที่ดินที่เช่าแล้ว โจทก์จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้จ่ายเงินไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของที่ดินเดิม เป็นค่าถมดินและสร้างเขื่อนถาวรเป็นต้น ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข จะให้ถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่โจทก์จะต้องชดใช้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟ้องแย้งเกินคำขอศาลชั้นต้น และการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่จำเลย ขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทและเรียกค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้ง โดยฟังว่าจำเลยมิได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่าจะให้ขับไล่โจทก์ตามฟ้องแย้งหรือไม่ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งซึ่งศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเสียแล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อให้พิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา243(1)แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสมควรวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปก็ชอบที่จะกระทำได้ กรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์ดังนั้นแม้จำเลยจะอุทธรณ์แต่ในเรื่องค่าเสียหายศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ขับไล่โจทก์ด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีเช่าค่าเช่าต่ำกว่าสองพันบาท และการเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องแถวจากโจทก์มีกำหนดเวลาสามสิบปีค่าเช่าเดือนละสี่สิบบาทโดยไม่ได้จดทะเบียนการเช่า จึงมีสิทธิการเช่าเพียงสามปี ครบกำหนดและบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาจะต้องไปจดทะเบียนการเช่ามีกำหนดสามสิบปี ในวันทำสัญญาจำเลยได้เสียค่าตอบแทนแก่โจทก์และได้ตกแต่งห้องแถวเป็นเงินจำนวนหนึ่ง สัญญาเช่าจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าตามสัญญาดังนี้ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาทซึ่งจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์ว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เพราะโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยเช่ามีกำหนดสามสิบปี จำเลยได้ออกเงินชำระค่าก่อสร้าง ได้เสียเงินค่าตอบแทนและได้ปรับปรุงตกแต่งห้องพิพาทสิ้นเงินไปจำนวนหนึ่งนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งว่า หมายเรียกส่งสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์ ให้โจทก์แก้ฟ้องแย้งภายใน 8 วัน ส่งหมายเรียกไม่ได้ให้จำเลยแถลงภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ถ้าไม่แถลงให้ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องแย้ง ดังนี้เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้นำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแย้งแก่โจทก์แล้วแต่ส่งไม่ได้ ซึ่งแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วถึงการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแย้งไม่ได้จำเลยจึงต้องแถลงให้ศาลทราบภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ เมื่อจำเลยยื่นคำแถลงเกินกำหนดดังกล่าว ต้องถือว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาตามที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องแย้ง ชอบที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีได้
จำเลยอุทธรณ์ว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เพราะโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยเช่ามีกำหนดสามสิบปี จำเลยได้ออกเงินชำระค่าก่อสร้าง ได้เสียเงินค่าตอบแทนและได้ปรับปรุงตกแต่งห้องพิพาทสิ้นเงินไปจำนวนหนึ่งนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งว่า หมายเรียกส่งสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์ ให้โจทก์แก้ฟ้องแย้งภายใน 8 วัน ส่งหมายเรียกไม่ได้ให้จำเลยแถลงภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ถ้าไม่แถลงให้ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องแย้ง ดังนี้เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้นำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแย้งแก่โจทก์แล้วแต่ส่งไม่ได้ ซึ่งแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วถึงการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแย้งไม่ได้จำเลยจึงต้องแถลงให้ศาลทราบภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ เมื่อจำเลยยื่นคำแถลงเกินกำหนดดังกล่าว ต้องถือว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาตามที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องแย้ง ชอบที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุด: มูลคดีเดียวกัน แม้ฟ้องแย้งต่างกรรมต่างวาระ
โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยพิมพ์ฉลากสำหรับใช้ปิดสับปะรดกระป๋องจำเลยได้ส่งมอบฉลากให้โจทก์รับไปแล้วแต่โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าจ้างพิมพ์ฉลากให้แก่จำเลย จำเลยจึงได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระเงินค่าจ้างพิมพ์ฉลากโจทก์ให้การต่อสู้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่างเป็นการผิดสัญญาและโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาพิมพ์ฉลากไม่เหมือนตัวอย่างเป็นคดีนี้ มูลกรณีที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้อง จึงเป็นมูลคดีเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ คดีทั้งสองสำนวนศาลพิจารณาพิพากษารวมกันเมื่อคดีแรกศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้พิมพ์ฉลากถูกต้องตามความประสงค์ของโจทก์ มิได้ผิดสัญญาคดีถึงที่สุดแล้ว ผลแห่งคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145โจทก์จะฎีกาในคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์ฉลากไม่ตรงตามตัวอย่าง เป็นการผิดสัญญาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าที่ดินหลังเพิกถอนสัญญาขายฝาก: ไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งว่าหากศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริต ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าที่ดินให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลังเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริตให้เพิกถอนสัญญาขายฝากที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองแล้ว ถ้าจำเลยทั้งสองชนะคดีตามที่ให้การปฏิเสธว่าจำเลยทำสัญญาขายฝากกันโดยสุจริต ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ก็เป็นอันตกไป ดังนั้นฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันต่างหากเมื่อปรากฏผลคำพิพากษาในคดี นี้แล้วเป็นฟ้องแย้งในเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งในคำร้องขอแก้ไขคำให้การ: การเปลี่ยนแปลงข้ออ้างเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม หรือจะฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้คำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3) ก็ได้
จำเลยฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้ไขคำให้การระบุข้อต่อสู้ขึ้นใหม่โดยให้รายละเอียดว่า โจทก์ทำผิดสัญญาอะไรบ้างทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างไร คิดเป็นจำนวน ค่าเสียหายเท่าใด เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3) จึงเป็นฟ้องแย้งในคำคู่ความที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นไว้แล้วชอบที่จะรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเป็นฟ้องแย้งไว้ได้ (วินิจฉัยโดยการประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2524)
จำเลยฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้ไขคำให้การระบุข้อต่อสู้ขึ้นใหม่โดยให้รายละเอียดว่า โจทก์ทำผิดสัญญาอะไรบ้างทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างไร คิดเป็นจำนวน ค่าเสียหายเท่าใด เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3) จึงเป็นฟ้องแย้งในคำคู่ความที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นไว้แล้วชอบที่จะรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเป็นฟ้องแย้งไว้ได้ (วินิจฉัยโดยการประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต่างเรื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณาพร้อมกันได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่ากับเรียกค่าเสียหายจำเลยรับว่าได้เช่าห้องโจทก์จริง แต่ได้ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ปรับปรุงห้องเช่าใหม่ โจทก์บิดพลิ้วจำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ก่อสร้างตึกแถวใหม่แล้วให้โจทก์จดทะเบียนให้จำเลยเช่ามีกำหนด 30 ปี ในอัตราค่าเช่าตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวต่างเรื่องต่างประเด็นกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้ ศาลไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต่างเรื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณาพร้อมกันได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่ากับเรียกค่าเสียหายจำเลยรับว่าได้เช่าห้องโจทก์จริง แต่ได้ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ปรับปรุงห้องเช่าใหม่ โจทก์บิดพลิ้วจำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ก่อสร้างตึกแถวใหม่แล้วให้โจทก์จดทะเบียนให้จำเลยเช่ามีกำหนด 30 ปีในอัตราค่าเช่าตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวต่างเรื่องต่างประเด็นกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้ ศาลไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจครอบคลุมการแก้ฟ้องแย้ง สิทธิเช่าที่ดินเป็นไปตามการจดทะเบียน
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุให้ ส.ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจตั้งทนายความเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆในศาล ย่อมมีความหมายรวมถึงให้ตั้งทนายความแก้ต่าง และให้การแก้ฟ้องแย้งด้วย โจทก์มีอำนาจฟ้องและให้การแก้ฟ้องแย้ง
โจทก์จดทะเบียนเลิกการเช่าที่ดินกับ ช. และวันเดียวกันโจทก์ได้จดทะเบียนการเช่าให้ ป. แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะซื้อบ้านจาก ช. และโจทก์ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยมีสิทธิการเช่าที่ดินสืบต่อจาก ช. ดังนี้ สิทธิการเช่าของจำเลยเป็นเพียงหลักฐานการเช่าแต่ไม่ได้จดทะเบียน ป.มีสิทธิยิ่งกว่าจำเลยในการเช่าที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 จำเลยไม่มีสิทธิบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอีกได้
โจทก์จดทะเบียนเลิกการเช่าที่ดินกับ ช. และวันเดียวกันโจทก์ได้จดทะเบียนการเช่าให้ ป. แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะซื้อบ้านจาก ช. และโจทก์ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยมีสิทธิการเช่าที่ดินสืบต่อจาก ช. ดังนี้ สิทธิการเช่าของจำเลยเป็นเพียงหลักฐานการเช่าแต่ไม่ได้จดทะเบียน ป.มีสิทธิยิ่งกว่าจำเลยในการเช่าที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 จำเลยไม่มีสิทธิบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3079/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ – ฟ้องแย้งค่าเสียหาย – ประเด็นไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจำเลยให้การว่าได้เช่าบ้านจาก ช. จำเลยมีสิทธิอยู่ต่อไปจนครบสัญญาเช่า ประเด็นตามคำฟ้องเดิมจึงมีว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
ที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การที่โจทก์บังคับให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทเป็นการรอนสิทธิ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย เพราะจำเลยได้เสียเงินซ่อมบ้านพิพาทเงินกินเปล่าและค่าเช่าล่วงหน้าให้ ช. ผู้ให้เช่าไปนั้น สิทธิของจำเลยหากถูกรบกวนผู้ที่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิคือ ช.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การดำเนินคดีทางศาลเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีเวลาและกำลังใจประกอบการค้าขายทำให้ขาดประโยชน์นั้น ค่าขาดประโยชน์ในการค้าขายไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การที่โจทก์บังคับให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทเป็นการรอนสิทธิ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย เพราะจำเลยได้เสียเงินซ่อมบ้านพิพาทเงินกินเปล่าและค่าเช่าล่วงหน้าให้ ช. ผู้ให้เช่าไปนั้น สิทธิของจำเลยหากถูกรบกวนผู้ที่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิคือ ช.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การดำเนินคดีทางศาลเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีเวลาและกำลังใจประกอบการค้าขายทำให้ขาดประโยชน์นั้น ค่าขาดประโยชน์ในการค้าขายไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม