พบผลลัพธ์ทั้งหมด 687 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน: จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา แม้จะอ้างว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน
จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาค้ำประกัน จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าจำเลยค้ำประกันในฐานะห้างหุ้นส่วนจำกัด มิใช่ในฐานะส่วนตัว
โจทก์มิได้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายดีผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
โจทก์มิได้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายดีผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำกัดเฉพาะประเด็นที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รับผิดน้อยลง การฎีกาลดหนี้เพิ่มเติมย่อมไม่อาจทำได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว โจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 รับผิดเพิ่มขึ้นจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาส่วนจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์คดีแต่อย่างใด ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ตามที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาฝ่ายเดียวนั้น ศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำดังนี้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาขอลดจำนวนเงินที่จะต้องรับผิดให้น้อยลงไปอีกได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของบ้านต้องรับผิดเมื่อประมาทเลินเล่อทำให้เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ แม้เหตุเกิดในบ้านตน
จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ที่ลวดหนามซึ่งขึงอยู่ด้านในของเสารั้วภายในเขตบ้านจำเลย โดยมีรั้วไม้ไผ่ที่ด้านนอกของเสา แต่รั้วไม้ไผ่ชำรุดโจทก์อยู่บ้านติดต่อกับจำเลยเอื้อมมือไปเก็บผ้าซึ่งปลิวไปติดรั้วบ้านจำเลยมือไปถูกลวดหนาม ถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานละเมิด
กระทำละเมิดต่อผู้อื่นโดยประมาทเลินเล่อ แม้จะทำภายในบริเวณบ้านของตนผู้กระทำก็ต้องรับผิด
กระทำละเมิดต่อผู้อื่นโดยประมาทเลินเล่อ แม้จะทำภายในบริเวณบ้านของตนผู้กระทำก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าผู้รับเช็คสมคบกันฉ้อฉล จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อปฏิเสธความรับผิด
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลยแล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดในละเมิดของลูกจ้างเมื่อขับรถตามหน้าที่ แม้จะนอกเส้นทางตามคำสั่ง
ลูกจ้างขับรถประจำทางจากอู่เพื่อไปยังจุดต้นทางโดยเส้นทางที่ผิดไปจากเส้นทางที่นายจ้างมีคำสั่งไว้ให้ปฏิบัติ เมื่อขับด้วยความประมาทผู้อื่นบาดเจ็บ นายจ้างจะต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย เพราะการที่ลูกจ้างขับรถเพื่อไปยังจุดต้นทางตามหน้าที่นั้น เป็นการที่กระทำไปในทางการที่จ้างแล้ว ส่วนคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องภายในระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
โจทก์มีรายได้เดือนละ 600 บาท เมื่อถูกจำเลยกระทำละเมิดแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ฟ้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต 10 ปี เป็นเงิน 72,000 บาท เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนแน่นอนแล้ว ย่อมให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
โจทก์มีรายได้เดือนละ 600 บาท เมื่อถูกจำเลยกระทำละเมิดแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ฟ้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต 10 ปี เป็นเงิน 72,000 บาท เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนแน่นอนแล้ว ย่อมให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างที่ขับรถประมาท แม้ลูกจ้างขับรถผิดเส้นทาง แต่ยังอยู่ในทางการที่จ้าง
ลูกจ้างขับรถประจำทางจากอู่เพื่อไปยังจุดต้นทางโดยเส้นทางที่ผิดไปจากเส้นทางที่นายจ้างมีคำสั่งไว้ให้ปฏิบัติ เมื่อขับด้วยความประมาทชนผู้อื่นบาดเจ็บ นายจ้างจะต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย เพราะการที่ลูกจ้างขับรถเพื่อไปยังจุดต้นทางตามหน้าที่นั้นเป็นการที่กระทำไปในทางการที่จ้างแล้ว ส่วนคำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องภายในระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
โจทก์มีรายได้เดือนละ 600 บาท เมื่อถูกจำเลยกระทำละเมิดแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ฟ้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต 10 ปีเป็นเงิน 72,000 บาท เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนแน่นอนแล้ว ย่อมให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
โจทก์มีรายได้เดือนละ 600 บาท เมื่อถูกจำเลยกระทำละเมิดแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ฟ้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต 10 ปีเป็นเงิน 72,000 บาท เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนแน่นอนแล้ว ย่อมให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันหน้าที่การงาน: ผู้ค้ำประกันรับผิดเฉพาะความเสียหายในหน้าที่ หากมิได้ระบุความรับผิดนอกเหนือจากนั้น
การทำสัญญาค้ำประกันบุคคลเข้าทำงาน โดยปกติย่อมเป็นที่เข้าใจกันว่าผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดเมื่อลูกจ้างทำให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่นายจ้างเฉพาะในหน้าที่การงานของลูกจ้างนั้นเท่านั้น ถ้านายจ้างประสงค์จะให้รับผิดตลอดถึงการกระทำนอกหน้าที่การงานที่ว่าจ้างกันด้วยแล้วก็ชอบที่จะระบุไว้ให้ชัดในสัญญาค้ำประกัน
นายจ้างอ้างว่าการที่ลูกจ้างก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นนั้น ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างหรือในหน้าที่การงานของลูกจ้าง เมื่อผู้ค้ำประกันให้การปฏิเสธข้อนี้ นายจ้างมีหน้าที่ต้องนำสืบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2513)
นายจ้างอ้างว่าการที่ลูกจ้างก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นนั้น ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างหรือในหน้าที่การงานของลูกจ้าง เมื่อผู้ค้ำประกันให้การปฏิเสธข้อนี้ นายจ้างมีหน้าที่ต้องนำสืบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อ นำเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชีบุคคลอื่น แม้สุจริตแต่ต้องรับผิดต่อเจ้าของเช็ค
ชื่อ SALWEEN INDENTING AGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์ เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ และนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้ว โจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบ เมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ ก. เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้าน ไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็ค ก. จึงไม่ใช่ผู้ทรง เมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEEN INDENTING AGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อม พร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNT PAYEE ONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก. ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทน แต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก. เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำ ถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อ แม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริง แต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็ค ธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1000
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEEN INDENTING AGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อม พร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNT PAYEE ONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก. ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทน แต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก. เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำ ถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อ แม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริง แต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็ค ธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1000
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของกรมที่ดินในคดีละเมิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นอกประเด็น
ในคดีละเมิด โจทก์บรรยายฟ้องเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 2(กรมที่ดิน) ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์. คงมีตามฟ้องข้อ 3 ข้อเดียวว่า ศ.มอบโฉนดที่ดินไว้กับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน.ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยอมรับหนังสือมอบอำนาจปลอมที่ว่า ศ.มอบอำนาจให้ ม.มีอำนาจขายกรรมสิทธิ์ที่ดินได้.โดยมิได้สอบถาม ศ.เจ้าของที่ดินให้ทราบเหตุผลว่า. เหตุใดจึงกลายเป็นมอบอำนาจให้ ม.มีอำนาจขายกรรมสิทธิ์ที่ดินได้. ทั้งๆ ที่ ศ.มามอบโฉนดให้แก่จำเลยที่ 3 ด้วยตนเอง. ดังนี้คดีจึงมีประเด็นเพียงว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่เท่านั้น. ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้วว่า.จำเลยที่ 3 มิได้ประมาทเลินเล่อ. ทั้งคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 3 ก็ได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น. เมื่อเป็นดังนี้จำเลยที่ 2 จึงไม่ควรรับผิดต่อโจทก์.เพราะการกระทำของจำเลยที่ 3 แต่อย่างใด. ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์ได้ยกเอาเหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กระทำไปโดยความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หมวดคำขอ. ซึ่งเป็นผู้รับโฉนดไว้จาก ศ.เพื่อทำการแบ่งแยก. แต่แล้วกลับมอบให้ธ.ไป จนเป็นเหตุให้ท.กับพวกสมคบกันนำใบมอบอำนาจไปจดทะเบียนการซื้อขายและขายฝากต่อๆ ไปจนสำเร็จ. โดยเจ้าหน้าที่ผู้นั้นควรจะได้มอบโฉนดให้แก่ ศ.รับไปด้วยตนเอง.หรือเรียกเอาใบรับโฉนดที่ออกให้แก่ ศ.กลับคืนมาไว้เป็นหลักฐานก็ดี. และการที่ศาลอุทธรณ์ยกเอาเหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ราชการของ ป.และ ว.เจ้าหน้าที่หมวดรักษาทะเบียน. โดยความบกพร่องในการตรวจสอบลายเซ็นชื่อของ ศ.ในใบมอบอำนาจปลอมขึ้นอ้าง.เพื่อให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ดี.จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โจทก์บรรยายฟ้องมาทั้งสิ้น.เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121-1122/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ขายฝากและการรับผิดแทนตัวแทน แม้ไม่มีเอกสารมอบอำนาจ
โจทก์ไม่รู้หนังสือ. เชิดบุตรของตนเป็นตัวแทนเพื่อติดต่อทางเอกสารกับจำเลยตลอดมา เมื่อจำเลยชำระเงินให้โจทก์. โจทก์ให้บุตรทำใบรับเงินให้จำเลย โจทก์ย่อมต้องรับผิดต่อจำเลยผู้สุจริตเสมือนว่าบุตรนั้นเป็นตัวแทนของตน. โดยจำเลยไม่จำต้องมีหนังสือแต่งตั้งตัวแทนมาแสดง.
บทบัญญัติมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ว่า การนำสืบถึงการใช้หนี้เงินกู้ จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงนั้น. ไม่นำมาใช้บังคับ.ในกรณีชำระเงินไถ่การขายฝาก.
เอกสารใบรับเงินซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์ในวันออกใบรับเงินนั้น. เมื่อมีการปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้ว. แม้จะมิได้เสียเงินเพิ่มอากร. ศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้.
บทบัญญัติมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ว่า การนำสืบถึงการใช้หนี้เงินกู้ จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงนั้น. ไม่นำมาใช้บังคับ.ในกรณีชำระเงินไถ่การขายฝาก.
เอกสารใบรับเงินซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์ในวันออกใบรับเงินนั้น. เมื่อมีการปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้ว. แม้จะมิได้เสียเงินเพิ่มอากร. ศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้.