พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานฝ่ายตรงข้าม และขอบเขตการพิพากษาเกินคำขอ
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากที่คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนสืบไปหมดแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นต้องแสดงเหตุผลอันสมควรที่ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อ ประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด เมื่อคำร้องของจำเลยที่ 2ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้วมิได้แสดงเหตุผลดังกล่าวเพียงแต่อ้างว่าพลั้งเผลอเท่านั้น ศาลสั่งไม่อนุญาตจึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานฝ่ายตรงข้าม และการพิพากษาแบ่งทรัพย์สินแทนการคืนทั้งหมด
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากที่คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนสืบไปหมดแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นต้องแสดงเหตุผลอันสมควรที่ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อ ประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด เมื่อคำร้องของจำเลยที่ 2 ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้วมิได้แสดงเหตุผลดังกล่าวเพียงแต่อ้างว่าพลั้งเผลอเท่านั้น ศาลสั่งไม่อนุญาตจึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาท ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาท ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143-2146/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาสุจริตในการครอบครองที่ดินสาธารณะ: จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินหนองน้ำสาธารณะนายอำเภอมีคำสั่งให้ออกไป จำเลยฝ่าฝืนไม่ยอมออก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368จำเลยให้การปฏิเสธ แม้จะปรากฏจากคำฟ้องเองว่าจำเลยครอบครองที่ดินนั้นมานานแล้ว แต่การครอบครองมานานก็มิใช่เหตุผลที่แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยเองไม่ใช่ที่สาธารณะ และแม้จำเลยจะให้การว่าที่ดินนั้นมี ส.ค.1 แล้ว ซึ่งอาจเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งแสดงว่าจำเลยครอบครองมาโดยไม่รู้ว่าเป็นที่สาธารณะได้ และโจทก์แถลงรับว่าจำเลยได้ยื่น ส.ค.1 ไว้ต่อพนักงานสอบสวนจริง แต่โจทก์ก็ยังแถลงโต้แย้งอยู่ว่าที่ดินตาม ส.ค.1 ที่จำเลยอ้างนั้นเป็นคนละแห่งกับที่ที่โจทก์ฟ้อง เรื่อง ส.ค.1 อันจะเป็นเรื่องสนับสนุนข้อแก้ตัวของจำเลยจึงยังเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่อีกเช่นกัน ตามคำฟ้อง คำให้การ และคำแถลงของโจทก์ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความเชื่อมั่นโดยสุจริตใจ ว่าที่ดินเป็นของจำเลยอันจะพึงถือว่าจำเลยมีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอ ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2517)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2517)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาท: สิทธิจำเลยในการสืบพยานโต้แย้ง แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน ศาลต้องให้โอกาสจำเลยสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน: จำเลยมีสิทธิสืบพยานหักล้างข้อกล่าวหา แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136,326,328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบ ที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์ก่อนฟังข้อเท็จจริงถนัด ฟังไม่ได้ว่าพยานอาจเบิกความพลั้งเผลอ ศาลฎีกาสั่งให้สืบพยานต่อได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่เหลือ หลังจากสืบพยานโจทก์ไปแล้วหนึ่งปากและฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ที่สืบไปแล้ว ซึ่งยังฟังไม่ได้ถนัดเพราะพยานอาจเบิกความพลั้งเผลอไป และโจทก์ยังแถลงขอสืบพยานต่อไปอีกนั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ชอบที่ศาลจะฟังพยานโจทก์ต่อไป ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ที่เหลือต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งสืบพยานผู้เสียหายที่ถูกตัดชื่อออกจากบัญชีพยานหลังจากการยื่นคำร้อง
ในคดีอาญา ศาลสั่งตัดผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานโจทก์ไปแล้วต่อมาผู้เสียหายมาศาลโดยโจทก์ยื่นคำร้องขอสืบเป็นพยานเมื่อศาลเห็นสมควรก็ย่อมมีอำนาจสั่งให้สืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์โดยไม่ชอบเมื่อโจทก์ไม่มาฟังประเด็นกลับที่ไม่ใช่วันสืบพยาน และการกำหนดวันสืบพยานใหม่
วันนัดฟังประเด็นกลับหาใช่วันนัดสืบพยานไม่ ศาลส่งสำนวนไปให้ศาลอื่นสืบพยานโจทก์ให้ เมื่อสืบไม่ได้ โจทก์จำเลยขอให้ส่งประเด็นกลับและขอให้นัดฟังประเด็นกลับตามวันเวลาที่ตกลงกันครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์ต่อไปหาได้ไม่และพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ยังไม่พอให้ถือว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลควรกำหนดวันนัดสืบพยานที่เหลืออยู่ของโจทก์ แล้วแจ้งให้โจทก์ทราบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่ชอบเมื่อโจทก์ไม่มาฟังประเด็นกลับ ซึ่งไม่ใช่การนัดสืบพยาน
วันนัดฟังประเด็นกลับหาใช่วันนัดสืบพยานไม่ ศาลส่งสำนวนไปให้ศาลอื่นสืบพยานโจทก์ให้ เมื่อสืบไม่ได้ โจทก์จำเลยขอให้ส่งประเด็นกลับและขอให้นัดฟังประเด็นกลับตามวันเวลาที่ตกลงกัน ครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์ต่อไปหาได้ไม่ และพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ยังไม่พอให้ถือว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลควรกำหนดวันนัดสืบพยานที่เหลืออยู่ของโจทก์ แล้วแจ้งให้โจทก์ทราบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377-378/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการติดตามการสืบพยานประเด็น การไม่อนุญาตถือเป็นการตัดสิทธิในการต่อสู้คดี
ประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุมีเพียง 2 คน คือคนหนึ่งเป็นพยานโจทก์ อีกคนหนึ่งจำเลยระบุอ้างเป็นพยานจำเลยและแถลงขอให้ส่งประเด็นไปสืบยังศาลอื่น โดยจำเลยแถลงขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาที่ศาลนั้นด้วย การที่ศาลใช้ดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตให้ตัวจำเลยตามประเด็นไปฟังการพิจารณาเท่ากับเป็นการตัดพยานสำคัญของจำเลย อันเป็นการไม่ให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา