คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หมิ่นประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องส่วนได้เสียในการเจรจา ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด ได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระ โดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด ดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์ จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องส่วนได้เสียในการเจรจา ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัดได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระโดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัดดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตนจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนในฐานะตัวแทนผู้เช่า ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด. ได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระ. โดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัด. ที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด. ดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์.จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน. จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทศาลแขวง: การต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสืออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสารแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทต่อศาลแขวง: การห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ส่วนที่อุทธรณ์ว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานและการป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัท ฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า"คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงานเพื่อปกป้องตนเอง ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า"คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงานและการป้องกันตนเองทางคลองธรรม ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ. โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน. จำเลยจึงพูดว่า'คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง'. ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1).จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานเพื่อป้องกันตน ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นซึ่งหน้า
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า "คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่กางานของจำเลย เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมศาลประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการพูดดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากเหตุหมิ่นประมาท, ทำร้ายร่างกาย, และฐานะทางการเงินของคู่สมรส
สามีภริยาได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อสามีภริยาและพยาน 2คน มีข้อความว่าได้พร้อมใจกันเลิกสภาพการเป็นสามีภริยากันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป. เช่นนี้ เป็นการเลิกสภาพการเป็นสามีภริยาโดยพฤตินัย. แต่โดยทางนิตินัยยังมิได้หย่าขาดกันตามกฎหมาย หรือมีความประสงค์จะไปจดทะเบียนในภายหลัง. และต่อมาอีก 5 วัน สามีโทรเลขให้ภริยากลับบ้านบอกว่าฉีกหนังสือนั้นแล้ว. ต่อมาได้คืนดีกันและประพฤติต่อกันฉันสามีภริยาอีก. ดังนี้ จะถือว่าหย่าขาดจากกันตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้.
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีใจความว่า สามีเป็นสัตว์ป่าในร่างมนุษย์. เป็นการหมิ่นประมาทสามีอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2).
ภริยาส่งจดหมายถึงสามีมีข้อความว่า ภริยาจะจ้างด้วยเงิน ด้วยตัวกับผู้ที่หลงรักภริยา ให้เอาน้ำกรดสาดหน้าสามี. ย่อมถือได้ว่าภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง. จนสามีไม่อาจจะอยู่กินกันได้. เพราะอาจได้รับอันตรายจากภริยาเมื่อใดก็ได้. อันเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(3).
ภริยามีที่ดินและอาคารราคาสองแสนบาทเศษ ใช้อาคารนั้นเป็นหอพักเก็บผลประโยชน์ได้เดือนละ 1,000 บาทเศษ และทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 1,975 บาทถือว่าภริยามีรายได้พอจากทรัพย์สินและการงานที่ทำ. เมื่อหย่ากันโดยสามีภริยาเป็นผู้ต้องรับผิดทั้งสองฝ่าย สามีไม่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1506.
แม้โจทก์ฟ้องขอหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)(3). เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรู้เหตุหย่าก็ตาม. แต่จำเลยไม่ได้ยกเอาเหตุแห่งการระงับของสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1509 ขึ้นต่อสู้ไว้. ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้.
of 86