คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อายุความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5342/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อขายสินค้า: การยกเหตุอายุความในชั้นฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์
โจทก์เป็นนิติบุคลลมีวัตถุประสงค์ทำการค้าวัสดุก่อสร้างและเครื่องสุขภัณฑ์ฟ้องเรียกหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์จำเลยให้การว่า โจทก์ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยเกิน 2 ปีจึงขาดอายุความ ดังนั้น ที่โจทก์ฎีกาว่า คดีของโจทก์มีอายุความ5 ปี เพราะจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำไปขายให้บุคคลทั่วไปมิใช่ซื้อมาเพื่อใช้บริโภคเอง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์เพิ่งยกขึ้นมาในชั้นฎีกาไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งปัญหานี้ไม่มีผลกระทบถึงสังคมหรือประชาชนทั่วไป จึงไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5319/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้บัตรเครดิต: เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้อง ไม่ใช่วันเลิกสัญญา
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ จำเลยเป็นลูกค้าโจทก์ ตามบัตรเครดิต 2 ประเภท คือ เพื่อซื้อสินค้าและชำระราคาค่าบริการต่าง ๆ แทนเงินสดประเภทหนึ่ง กับใช้เบิกเงินสดจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน หรือธนวัฎบัตรเครดิตอีกประเภทหนึ่ง การให้บริการบัตรเครดิตเป็นวัตถุประสงค์ ของโจทก์ การที่โจทก์ให้บริการใช้บัตรเครดิตแก่สมาชิกโดยเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก และการที่โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้ของสมาชิกไปก่อน รวมทั้งการที่โจทก์ยอมให้จำเลยนำบัตรเครดิตไปถอนเงินสดจากเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ แล้วจึงเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าทดรองที่ได้ออกไปก่อน กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลหนี้ดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (7) โจทก์แจ้งให้จำเลยงดใช้บัตรเครดิตตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 และมีการแจ้งชำระหนี้ครั้งสุดท้าย ก่อนวันดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงอาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่ต้นปี 2535 มิใช่นับแต่วันที่คำบอกกล่าวเลิกสัญญา มีผล โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 9 สิงหาคม 2539 พ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5319/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้บัตรเครดิต: การให้บริการบัตรเครดิตถือเป็นการรับทำงาน สิทธิเรียกร้องมีอายุความ 2 ปี
การให้บริการบัตรเครดิตเป็นวัตถุประสงค์ของโจทก์ การที่โจทก์ให้บริการการใช้บัตรเครดิตแก่สมาชิกโดยเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมโจทก์จึงเป็นผู้ประกอบกิจการในการรับทำงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิกและการที่โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้ของสมาชิกไปก่อน รวมทั้งการที่โจทก์ยอมให้จำเลยนำบัตรเครดิตไปถอนเงินสดจากเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ แล้วจึงเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลังเป็นการเรียกเอาค่าทดรองที่ได้ออกไปก่อน กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาเงินที่ได้ทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลหนี้ดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(7) เมื่อทางนำสืบปรากฏว่าโจทก์แจ้งงดใช้บัตรเครดิตตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 และมีการแจ้งให้ชำระหนี้ครั้งสุดท้ายก่อนวันดังกล่าวนี้แล้ว โจทก์จึงอาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่ต้นปี 2535 มิใช่วันที่คำบอกกล่าวเลิกสัญญามีผลดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 9 สิงหาคม 2539 พ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5314/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุด-เริ่มนับใหม่: ฟ้องล้มละลาย-รับสภาพหนี้
มูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนดอายุความ 3 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001
เจ้าหนี้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายก่อนที่ตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับจะครบกำหนดอายุความ เป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องจึงมีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 (เดิม) แม้ต่อมาเจ้าหนี้ได้ถอนฟ้องคดีล้มละลายดังกล่าวอันเป็นผลให้ไม่นับว่าเป็นเหตุให้อายุความ สะดุดหยุดลงตามมาตรา 174 (เดิม) ก็ตาม แต่เมื่อกำหนดอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้ล่วงพ้นไปแล้วลูกหนี้ ได้ทำสัญญารับสภาพหนี้ยินยอมรับผิดชดใช้หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและหนี้อื่น ๆ ต่อเจ้าหนี้ ถือได้ว่าลูกหนี้ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว และเริ่มนับอายุความใหม่ต่อไปตั้งแต่วันรับสภาพหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5314/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน การฟ้องล้มละลาย & การรับสภาพหนี้ ผลต่ออายุความ
มูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีอายุความ 3 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 การที่เจ้าหนี้ได้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายก่อนที่ตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับจะครบกำหนดอายุความ เป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง ไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อให้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายแต่อย่างเดียว ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173(เดิม) แม้ต่อมาเจ้าหนี้ได้ถอนฟ้องคดีล้มละลายอันเป็นผลให้ไม่นับว่าเป็นเหตุให้อายุความสะดุดลงตามมาตรา 174(เดิม) ก็ตาม แต่เมื่อพ้นกำหนดอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว ลูกหนี้ได้ทำสัญญารับสภาพหนี้ยอมรับผิดชดใช้หนี้ต่อเจ้าหนี้ถือได้ว่าลูกหนี้ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันรับสภาพหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ก่อนครบกำหนดอายุความซึ่งมีกำหนดเวลา 3 ปี เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5286/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีอาญา: การสนับสนุนการกระทำผิดเจ้าพนักงานและโทษจำกัด
จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 161 อัตราโทษสูงสุดที่จะลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ส่วนมาตรา 162อัตราโทษสูงสุดที่จะลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุก 4 ปี 8 เดือน อายุความฟ้องคดีอาญาดังกล่าวจึงมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 95(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5265/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ระบุประเด็นอายุความ ทำให้ไม่อาจอุทธรณ์ได้ ศาลฎีกาส่งสำนวนคืน
คดีนี้เนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นคงมีเพียงคำบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและ ค่าฤชาธรรมเนียมเท่านั้น หาได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องอายุความอันเป็นประเด็นแห่งคดีซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจพิพากษาคดีได้ด้วยวาจาซึ่งไม่จำต้องจดแจ้งรายการแห่งคดีหรือเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ก็ตาม แต่ก็ต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 141 (5) ด้วย มิฉะนั้นคู่ความย่อมไม่อาจอุทธรณ์ได้โดยชัดแจ้งเนื่องจากไม่ทราบว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีอย่างไร เมื่อปรากฏเหตุที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง จึงต้องส่งสำนวนคืนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 และยังรับวินิจฉัยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรง ต่อศาลฎีกาของจำเลยที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5265/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการวินิจฉัยประเด็นข้อต่อสู้เรื่องอายุความ แม้คดีมีอำนาจพิจารณาด้วยวาจา
เนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีเพียงคำบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เท่านั้น มิได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องอายุความอันเป็นประเด็นแห่งคดีซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยแม้จะเป็นคดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจพิพากษาคดีได้ด้วยวาจาซึ่งไม่จำต้องจดแจ้งรายการแห่งคดีหรือเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ แต่ก็ต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องอายุความนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 141(5) คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4330/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องไล่เบี้ยตั๋วแลกเงิน: พิจารณาฐานะผู้ฟ้องและลักษณะหนี้
การที่โจทก์ในฐานะผู้จ่ายหรือผู้รับรองตั๋วแลกเงินได้ใช้เงินให้แก่ผู้รับเงินตามตั๋วแล้วฟ้องไล่เบี้ยเอาจากผู้ออกตั๋วแลกเงินนั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 หาใช่มีอายุความ3 ปี ตามมาตรา 1001 ไม่ เมื่อตั๋วแลกเงินฉบับสุดท้ายที่จำเลยที่ 1เป็นผู้ออกนับแต่วันครบกำหนดสั่งจ่ายถึงวันฟ้องยังไม่พ้น 10 ปีฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้กรรมสิทธิ์ยังไม่จดทะเบียนก็มีผล
แม้โจทก์ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเมื่อคำนวณถึงวันที่จำเลยปิดกั้นทางพิพาทเป็นทางผ่านเข้าออกยังไม่ครบ 10 ปีก็ตาม แต่เมื่อโจทก์อาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์มานาน 20 ปีแล้ว แสดงว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านเข้าออกตั้งแต่อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวจนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน เมื่อนับระยะเวลาทั้งสองตอนติดต่อกันแล้วเกินกว่า 10 ปี ทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401
of 577