คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรมธรรม์ประกันภัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มต้นเมื่อบริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัย
กรมธรรม์ระบุว่า กรมธรรม์มีผลในวันที่บริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัยตามเช็ค ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยด้วยเช็คเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลาธนาคารปิดรับเช็คแล้ว จึงเข้าบัญชีเรียกเก็บได้ในวันจันทร์ที่ 1 มีนาคม เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ บริษัทไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตถนนตามกรมธรรม์ และความรับผิดของอู่ซ่อมรถต่อทรัพย์สินหาย
อาณาเขตบนถนนในราชอาณาจักรตามกรมธรรม์ประกันภัยหมายความถึง ถนนที่รถแล่นผ่านไปมาได้ แม้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้เป็นทางการ
ผู้รับประกันภัยเอารถที่เกิดวินาศภัยไปไว้ที่อู่ซึ่งรับงานของผู้รับประกันภัยมาทำ ต้องรับผิดในการที่อุปกรณ์ในรถหายไปในระหว่างอยู่ที่อู่นี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการไม่ขัดแย้งกับการตกลงซ่อมรถโดยตรง โจทก์มีสิทธิฟ้องได้
แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์จำเลยจะมีข้อความว่า'ข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้นอันเกิดขึ้นเนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันโดยชัดแจ้งว่า จะนำข้อพิพาทฟ้องร้องยังโรงศาลมิได้จะต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการนายหนึ่งโดยแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่กรณีเป็นผู้ตัดสิน' ก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการ โจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้นำรถไปซ่อมที่อู่ที่คิดราคาค่าซ่อมต่ำสุด และโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นแล้วตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวไม่ได้ห้ามไม่ให้คู่กรณีตกลงกันเอง เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันแล้วเช่นนี้ก็ไม่ต้องตั้งอนุญาโตตุลาการชี้ขาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นค่าเสียเวลาในกรมธรรม์ประกันภัย และหลักห้ามมิให้ยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
ค่าเสียเวลาเนื่องจากไม่ได้ใช้ยานยนต์ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยระบุยกเว้นความรับผิดของบริษัทประกันภัยสำหรับค่าเสียหายส่วนนี้ไว้ในสัญญาประกันภัยค้ำจุนนั้น เป็นคนละประเภทกับค่ารถแท็กซี่ที่โจทก์บุคคลภายนอกต้องเสียไประหว่างนำรถที่เสียหายเข้าซ่อมบริษัทจึงจะยกกรมธรรม์ข้อนี้ขึ้นอ้างเป็นข้อยกเว้นความรับผิดสำหรับค่าเสียหายประเภทนี้มิได้
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยรับผิดในค่าลากจูงรถยนต์ไปอู่ซ่อมเพียงครึ่งของราคาที่จ่ายนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกรมธรรม์ประกันภัย: อุบัติเหตุและการบาดเจ็บทางร่างกายเป็นเหตุให้เสียชีวิต
กรมธรรม์ประกันภัยทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษโจทก์แนบสำเนากรมธรรม์ประกันภัยฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยคำแปลเป็นภาษาไทยมาพร้อมฟ้อง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องขอยืดเวลายื่นคำให้การ อ้างว่ากรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษและโจทก์แปลติดมาท้ายฟ้องนั้น จำเลยจำต้องตรวจคำแปลกับต้นฉบับว่าแปลถูกต้องหรือไม่ศาลอนุญาต เมื่อจำเลยยื่นคำให้การ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าคำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นมีข้อความไม่ถูกต้องคดีจึงไม่มีประเด็นโต้เถียงกันว่า คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นไม่ถูกต้อง การที่วินิจฉัยว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความอย่างใด และมีความหมายเป็นประการใดศาลจึงต้องยึดถือคำแปลภาษาไทยดังปรากฏที่โจทก์แนบมาพร้อมฟ้อง
คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยมีข้อความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย (ผู้รับประกันภัย) ว่า "กรมธรรม์นี้คุ้มครองถึงความสูญเสียไม่ว่าจะเนื่องด้วยสาเหตุอื่นใดอันเกิดแต่การได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือลำพังก็ตามทีตามเงื่อนไขบทบัญญัติข้อยกเว้นและข้อคุ้มครองที่ระบุไว้ในที่นี้"ส่วนประโยชน์ที่ได้รับระบุไว้ว่า การประกันภัยที่จะอำนวยผลประโยชน์ในหนี้ใช้ได้เฉพาะในเรื่องการได้รับบาดเจ็บอันตรายอันอาจทำให้สูญเสียชีวิต แขนขาขาดและชดใช้ค่ารักษาพยาบาล อันจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือไม่ว่าโดยลำพัง จากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ตามที่ได้ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ฯลฯ" ดังนี้ เห็นว่าการที่ พ. (ผู้เอาประกันภัย) หกล้มขณะลงจากรถ ย่อมถือว่าเป็นอุบัติเหตุ เมื่อเป็นเหตุให้มดลูกแตกปริจึงถือว่าเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ พ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกรมธรรม์ประกันภัย: ศาลยึดถือคำแปลภาษาไทยที่โจทก์แนบ หากจำเลยไม่โต้แย้ง และถือว่าอุบัติเหตุเป็นสาเหตุโดยตรง
กรมธรรม์ประกันภัยทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษโจทก์แนบสำเนากรมธรรม์ประกันภัยฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยคำแปลเป็นภาษาไทยมาพร้อมฟ้อง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องขอยืดเวลายื่นคำให้การ อ้างว่ากรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษและโจทก์แปลติดมาท้ายฟ้องนั้น จำเลยจำต้องตรวจคำแปลกับต้นฉบับว่าแปลถูกต้องหรือไม่ศาลอนุญาต เมื่อจำเลยยื่นคำให้การ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าคำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นมีข้อความไม่ถูกต้องคดีจึงไม่มีประเด็นโต้เถียงกันว่า คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นไม่ถูกต้อง การที่วินิจฉัยว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความอย่างใด และมีความหมายเป็นประการใดศาลจึงต้องยึดถือคำแปลภาษาไทยดังปรากฏที่โจทก์แนบมาพร้อมฟ้อง
คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยมีข้อความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย (ผู้รับประกันภัย) ว่า 'กรมธรรม์นี้คุ้มครองถึงความสูญเสียไม่ว่าจะเนื่องด้วยสาเหตุอื่นใดอันเกิดแต่การได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือลำพังก็ตามที ตามเงื่อนไขบทบัญญัติข้อยกเว้นและข้อคุ้มครองที่ระบุไว้ในที่นี้'ส่วนประโยชน์ที่ได้รับระบุไว้ว่า การประกันภัยที่จะอำนวยผลประโยชน์ในหนี้ใช้ได้เฉพาะในเรื่องการได้รับบาดเจ็บอันตรายอันอาจทำให้สูญเสียชีวิต แขนขาขาดและชดใช้ค่ารักษาพยาบาลอันจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือไม่ว่าโดยลำพังจากสาเหตุใด ๆก็ตาม ตามที่ได้ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ฯลฯ' ดังนี้ เห็นว่าการที่ พ. (ผู้เอาประกันภัย) หกล้มขณะลงจากรถ ย่อมถือว่าเป็นอุบัติเหตุ เมื่อเป็นเหตุให้มดลูกแตกปริ จึงถือว่าเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ พ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญากรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราวจากการไม่ชำระเบี้ยประกัน และผลของการเลิกสัญญาต่อเนื่อง
เงื่อนไขแนบกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "หากมิได้ชำระเบี้ยประกันให้บริษัท ฯ ในงวดใด ก็ให้ยกกรมธรรม์ โดยไม่ต้องคุ้มครองในงวดนั้น และผู้เอาประกันภัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น" นั้นหมายความว่า ไม่ใช้กรมธรรม์ประกันภัยบังคับเอาแก่ผู้รับประกันภัยและผู้เอาประกันภัยในชั่วระยะนั้น ซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นการเลิกสัญญากรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ในระยะที่ไม่ชำระเบี้ยประกันนั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการไม่ชำระเบี้ยประกันภัยต่อการเลิกสัญญากรมธรรม์ และการฟ้องเรียกเบี้ยประกันภัย
เงื่อนไขแนบกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า 'หากมิได้ชำระเบี้ยประกันให้บริษัทฯ ในงวดใด ก็ให้ยกกรมธรรม์ โดยไม่ต้องคุ้มครองในงวดนั้น และผู้เอาประกันภัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น'นั้นหมายความว่า ไม่ใช้กรมธรรม์ประกันภัยบังคับเอาแก่ผู้รับประกันภัยและผู้เอาประกันภัยในชั่วระยะนั้นซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นการเลิกสัญญากรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ในระยะที่ไม่ชำระเบี้ยประกันนั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการไม่ชำระเบี้ยประกันภัยต่อการเลิกสัญญากรมธรรม์และการเรียกร้องค่าเสียหาย
เงื่อนไขแนบกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า.'หากมิได้ชำระเบี้ยประกันให้บริษัทฯ ในงวดใด ก็ให้ยกกรมธรรม์ โดยไม่ต้องคุ้มครองในงวดนั้น. และผู้เอาประกันภัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น'. นั้นหมายความว่า ไม่ใช้กรมธรรม์ประกันภัยบังคับเอาแก่ผู้รับประกันภัยและผู้เอาประกันภัยในชั่วระยะนั้น. ซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นการเลิกสัญญากรมธรรม์ประกันภัยชั่วคราว ในระยะที่ไม่ชำระเบี้ยประกันนั่นเอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9857/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย: ลูกจ้างในทางการจ้างไม่ใช่บุคคลภายนอก
อนุญาโตตุลาการสืบพยานของคู่พิพาทเสร็จแล้ว รับฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ตายเป็นลูกจ้างของ ช. มีหน้าที่ขนไก่ขึ้นลงจากรถ วันเกิดเหตุหลังจากส่งไก่เสร็จแล้ว ช. จะไปซื้อหญ้าที่อำเภอองครักษ์มาปลูกที่บ้าน ผู้ตายขอไปด้วยเพราะรู้จักสถานที่ จึงโดยสารมาในรถ ระหว่างที่ ช. ขับรถยนต์พาผู้ตายกลับบ้าน เกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างทางการที่จ้าง ผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ผู้ตายเดินทางไปกับ ช. หลังจากเสร็จสิ้นการส่งไก่ ไม่ใช่ทางการที่จ้าง เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของอนุญาโตตุลาการในการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ใช่กรณีที่ศาลจะเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการได้ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 (1) (2) วรรคสาม ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้ว ส่วนอุทธรณ์ของผู้ร้องอีกข้อหนึ่งว่า ตามเงื่อนไขท้ายกรมธรรม์ หมวดการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 8 วรรคหนึ่ง ผู้คัดค้านไม่อาจยกความไม่สมบูรณ์ของกรมธรรม์หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก เพื่อปฏิเสธความรับผิดนั้น แต่เงื่อนไขท้ายกรมธรรม์หมวดการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 1.1 วรรคท้าย ระบุว่า บุคคลภายนอกไม่รวมถึงผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมายตลอดจนลูกจ้างในทางการที่จ้างของผู้ขับขี่ ผู้ตายจึงไม่ใช่บุคคลภายนอกตามความหมายในเงื่อนไขกรมธรรม์ข้อนี้ ผู้คัดค้านย่อมไม่ถูกห้ามปฏิเสธความรับผิดตามเงื่อนไขข้อ 8 ที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่าผู้คัดค้านไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจึงไม่ขัดต่อข้อสัญญา การยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ไม่ได้ฝ่าฝืนต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 (1) (2) วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 6