คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การดำเนินคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 87 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งเอกสารคดี
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่าให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านภายใน 15 วัน ผู้ร้องหรือผู้แทนไม่จัดการนำส่งภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้าย และกำหนดเวลาดังกล่าวก็เป็นเวลาที่สมควรแล้ว การที่ผู้ร้องไม่ดำเนินคดีภายในเวลาดังกล่าวจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีตามมาตรา 132(1) ประกอบด้วยมาตรา 246 แม้ผู้ร้องจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ล่วงหน้าก็ไม่ทำให้ผู้ร้องหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งสำเนาตามคำสั่งของศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาเอกสารภายในกำหนดเวลา
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่าให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านภายใน15วันผู้ร้องหรือผู้แทนไม่จัดการนำส่งภายในกำหนดเวลาดังกล่าวดังนี้กรณีเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา70วรรคท้ายและกำหนดเวลาดังกล่าวก็เป็นเวลาที่สมควรแล้วการที่ผู้ร้องไม่ดำเนินคดีภายในเวลาดังกล่าวจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีตามมาตรา132(1)ประกอบด้วยมาตรา246แม้ผู้ร้องจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ล่วงหน้าก็ไม่ทำให้ผู้ร้องหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งสำเนาตามคำสั่งของศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนการทำแผนที่พิพาท: เหตุผลความจำเป็นและผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
การที่ศาลสั่งให้คู่ความไปจัดทำแผนที่พิพาท โดยห้ามมิให้เลื่อนและระบุว่าถ้าโจทก์ไม่ไปนำชี้จะจำหน่ายคดีเสียนั้น หากทนายโจทก์ผู้จะไปนำชี้จำเป็นต้องจัดการศพบิดาของภริยาจนไม่สามารถไปตามนัด และไม่อาจขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาทได้ก่อนวันนัดแต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนในวันต่อมา ดังนี้ ถือว่าเป็นความจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตได้ ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถึงวันนัดหากคู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ ก็ให้อีกฝ่ายหนึ่งนำชี้ไปฝ่ายเดียว ดังนั้น แม้คู่ความฝ่ายใดไม่ไปนำชี้ก็หาเป็นอุปสรรคต่อการทำแผนที่พิพาทไม่ ด้วยเหตุนี้หากโจทก์มีความจำเป็นและมิได้ขอเลื่อนการทำแผนที่พิพาท กรณีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันจะเป็นเหตุให้สั่งจำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3263/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอนาถาและการจำวันนัด: ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือว่าจำเลยไม่มีพยานให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยเป็นคนอนาถาให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์เสียเท่ากับวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคำร้องของจำเลยแล้วว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถาต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยได้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา อ้างเหตุว่าจำวันนัดผิดพลาด การขาดนัดไต่สวนคำร้องมิได้เป็นไปโดยเจตนาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำวันนัดคลาดเคลื่อนมาเป็นข้ออ้างหาได้ไม่ให้ยกคำร้องของจำเลยเสีย ดังนี้ย่อมมีผลเช่นเดียวกับคำสั่งเดิมที่ว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ – ผลกระทบต่อการดำเนินคดี – การปฏิบัติตามมาตรา 198 วรรคสอง
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์ต้องมีคำขอต่อศาลภายในกำหนด 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การสิ้นสุดลง ถ้าโจทก์ไม่ยื่นคำขอดังกล่าวภายในกำหนดระยะเวลานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ การที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ก่อนมีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและได้สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว หามีผลลบล้างให้โจทก์ไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางต้องระบุชัดเจนในหนังสือมอบอำนาจ การมอบอำนาจให้รับของกลางจากพนักงานสอบสวนไม่ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า ".....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวน มิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาความสมควรในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การแล้ว
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง แต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2)
โจทก์ได้จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้องแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตมีหนังสือแจ้งมาว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นที่รับฟ้องมีคำสั่งว่า รอฟ้องโจทก์แถลง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการสังหมายและคำสั่งศาลในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาอำนาจศาลในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การ
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองแต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2) เมื่อศาลสั่งรับคำให้การของจำเลยอื่นและจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรประการใดที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การดำเนินคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
เมื่อศาลชั้นต้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเพื่อทำคำให้การแก้คดีแล้ว จำเลยโดย ป. ผู้รับมอบอำนาจได้แต่งตั้งให้ ส.เป็นทนายความของจำเลย ส. ยื่นคำให้การของจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มอบอำนาจให้ ป. ดำเนินคดีแทนดังนั้น การที่ บ. เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยก็ดี แต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายจำเลยก็ดี และการที่ ส.ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีก็ดี จึงเป็นการกระทำของบุคคลภายนอกที่ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทน จำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของบุคคลดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ผูกพันจำเลย
กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบนั้นได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องให้รับผิดร่วมกันอันเป็นหนี้ร่วม ก็สมควรให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างตลอดไปถึงจำเลยอื่นด้วย (วรรคสองอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 345/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิการดำเนินคดีแทนจำเลยหลังเสียชีวิต และการหาคู่ความใหม่
จำเลยตาย แม้ทนายจำเลยจะมีอำนาจยื่นอุทธรณ์แทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ทำให้คดีกลับมีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่แต่เมื่อจำเลยตายแล้ว ทนายจำเลยย่อมหมดสภาพเป็นทนายจำเลย จึงทำให้คดีมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียว ฝ่ายจำเลยยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความดำเนินคดีแทน จึงต้องจัดหาผู้เข้ามาเป็นคู่ความดำเนินคดีแทนจำเลยเสียก่อน
of 9