คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การนำสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดี: การนำสืบเอกสารไม่ตรงกับที่แนบฟ้อง และการขาดการส่งสำเนาเอกสารต้นฉบับ ทำให้ศาลไม่รับฟังการมอบอำนาจ
โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีแทนโดยแนบภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจมาท้ายฟ้อง แต่กลับนำสืบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องมิใช่ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ เป็นภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอื่น ส่วนภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แนบไปท้ายฟ้องคดีอื่นสลับกัน โดยโจทก์นำสืบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั้งสองฉบับประกอบคำเบิกความของ อ.ว่า โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีนี้จริง เช่นนี้ ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องและต้นฉบับย่อมมิใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ส่วนต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ก็มิได้มีการส่งสำเนาล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ตามมาตรา 86 โจทก์จึงไม่มีพยานเอกสารมาแสดงให้เห็นถึงการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ทั้งคำเบิกความของ อ.ก็เป็นพยานบุคคลจะรับฟังแทนเอกสารมิได้ ต้องห้ามตามมาตรา 94(ก) ประกอบมาตรา 60 วรรคสอง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้อ.ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบรายละเอียดการรับเงินกู้ไม่เป็นการนอกฟ้อง และอายุความดอกเบี้ยเริ่มนับจากเวลาที่อาจฟ้องเรียกได้
ในคำฟ้องและสัญญากู้ระบุว่าจำเลยที่ 1 รับเงินจำนวน1,500,000 บาท ไปจากโจทก์ครบถ้วนในวันทำสัญญากู้ และประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยที่ 1 รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วหรือไม่ดังนี้ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 รับเงินไปจากโจทก์ก่อนวันทำสัญญากู้บ้าง ในวันทำสัญญากู้บ้าง และหลังวันทำสัญญากู้บ้างนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาหรือรายละเอียดในการที่จำเลยที่ 1รับเงินไปจากโจทก์ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น และไม่เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร การฟ้องเรียกดอกเบี้ยค้างส่งภายใน 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 166นั้น อายุความ 5 ปี ต้องนับตั้งแต่เวลาที่อาจฟ้องเรียกเอาดอกเบี้ยได้ ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่ผู้กู้รับเงินกู้ไปจากผู้ให้กู้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและเงินสด การนำสืบการใช้เงิน และผลกระทบต่อผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์และได้ชำระหนี้เงินกู้รายพิพาทเป็นเช็คแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค หนี้เงินกู้จึงยังคงมีอยู่การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันนำสืบว่า จำเลยที่ 1 นำเงินสดตามเช็คไปชำระแก่โจทก์จนครบและรับเช็คคืนจากโจทก์แล้ว จึงเป็นการนำสืบการใช้เงินตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคสองเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง และไม่ปรากฏว่าเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การสลักหลังไม่ขาดสาย ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และขอบเขตการนำสืบ
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ และไม่เข้าข่ายที่จะเป็นตั๋วเสีย ทั้งมีการสลักหลังไม่ขาดสาย โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมิได้ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
จำเลยให้การว่า มิได้สลักหลังเช็คพิพาท แต่กลับนำสืบว่า จำเลยสลักหลังเช็คเพียงเพื่อแสดงว่าเช็คพิพาทผ่านห้างหุ้นส่วนมา มิใช่สลักหลังเพื่อรับผิดนั้น จึงเป็นการสืบนอกเหนือและขัดกับคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5564/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการนำสืบข้อเท็จจริงใหม่นอกคำให้การ และผลกระทบต่อการวินิจฉัยของศาล
จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งผู้ตายยกให้แต่กลับนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานนอกข้อต่อสู้ในคำให้การและนอกประเด็นพิพาทที่ศาลกำหนดไว้ ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานนอกเหนือจากสัญญาซื้อขายที่จดทะเบียน: ข้อจำกัดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
ป.วิ.พ. มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น หาต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ โจทก์จึงนำสืบได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4351/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลกับประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย: การนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยหรือส่วนลดได้ไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้นั้น แม้จะออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วก็ตาม ก็มิใช่เป็นกฎหมายที่ศาลจะรู้เองได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ซึ่งเป็นธนาคารจะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบถึงประกาศดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลยผู้กู้ในอัตราร้อยละ16.5 ต่อปี โดยอาศัยประกาศนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4351/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อใช้บังคับในคดีแพ่ง ศาลไม่ถือเป็นกฎหมายที่รู้ได้เอง
ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยหรือส่วนลดได้ไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้นั้น แม้จะออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วก็ตามก็มิใช่เป็นกฎหมายที่ศาลจะรู้เองได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ซึ่งเป็นธนาคารจะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบถึงประกาศดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลยผู้กู้ในอัตราร้อยละ16.5 ต่อปี โดยอาศัยประกาศนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4325/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์สัญญาปลอม ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
การที่จำเลยนำสืบพยานบุคคลว่าสัญญากู้เอกสาร จ.1 เป็นเรื่องจำเลยซื้อที่ดินโจทก์และจำเลยค้างชำระค่าที่ดินแล้วทำสัญญากู้ให้สมมีจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้แล้วให้โจทก์ยึดถือไว้แทนโดยตกลงกันว่าเมื่อจำเลยชำระราคาที่ดินแล้วโจทก์จะทำลายสัญญากู้ทิ้ง ต่อมาจำเลยชำระราคาที่ดินครบถ้วนและโจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินให้จำเลยแล้ว โจทก์กลับนำสัญญากู้ดังกล่าวไปกรอกข้อความและนำมาเป็นหลักฐานฟ้องจำเลยดังนี้เป็นการนำสืบว่าสัญญากู้เป็นสัญญาปลอม และเป็นการนำพยานบุคคลเข้าสืบเพื่อทำลายล้างเอกสารทั้งฉบับ จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงในคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยานหลักฐานยืนยันความผิดของจำเลยเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครอง และพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีและพกพาอาวุธปืน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดทั้งโจทก์ก็ไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยใช้ขู่ชิงทรัพย์เป็นของกลาง และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียน จึงลงโทษจำเลยในความผิดทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ ซึ่งข้อเท็จจริงได้จากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้เช่นกัน
of 16