พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็น 'บริวาร' ในคดีขับไล่: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเรือนไม้และที่ดินเช่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับคดี
ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้ 3 หลังที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำเหน็จข้าราชการได้รับการคุ้มครองจากการบังคับคดี หากยังไม่ได้ปะปนกับเงินอื่น
จำเลยมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเนื่องจากลาออกจากราชการและจำเลยเพิ่งได้รับเงินบำเหน็จมาจากเจ้าหน้าที่การเงินโดยที่เงินบำเหน็จนั้นยังมิได้ปะปนกับเงินอื่นของจำเลยจนแยกไม่ออกเช่นนี้ โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินบำเหน็จดังกล่าวจากจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาหาได้ไม่.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2532)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาและการขอหมายบังคับคดีตามกำหนดเวลา หากล่าช้าคำสั่งยึดทรัพย์เป็นอันยกเลิก
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับ คำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่า ได้ ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตาม คำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2526 ต้อง ถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15 วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตาม คำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่ 28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิกการที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ ติดตาม ผลของการส่งคำบังคับตลอดมาแต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาล ทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2)เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอหมายบังคับคดีเกินกำหนดทำให้การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาสิ้นผล
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่า ได้ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน2526 ต้องถือว่าจำเลยรับ คำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่ 28 สิงหาคม 2526 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260(2)เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิก การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ติดตามผลของการส่งคำบังคับตลอดมา แต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาลทำให้โจทก์ขอหมาย บังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของ ป.วิ.พ. มาตรา 260(2) เพราะโจทก์อาจขอหมาย บังคับคดีไว้ก่อนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี แม้เคยถูกยกคำร้องแล้ว ก็สามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัย
แม้จำเลยจะขอทุเลาการบังคับคดีมาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะจำเลยวางหลักประกันล่วงเลยกำหนดระยะเวลาก็ตามก็ไม่มีกฎหมายห้ามว่าจะขอ ทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 วรรคแรก อีกไม่ได้
การวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้อง จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยนั้น เป็นการไม่ชอบ
การวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้อง จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยนั้น เป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกปิดผนึกและการนับระยะเวลาคำร้องพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
จำเลยทั้งห้าร่วมกันเป็นหุ้นส่วนมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใช้ชื่อทางการค้าว่าสหพรลิ้มการช่าง ได้ร่วมกันก่อสร้างตึกแถวให้เช่า และใช้ตึกแถวมีป้ายชื่อว่าสหพรลิ้มการช่าง เป็นสำนักงานติดต่อกับโจทก์และบุคคลทั่วไป ดังนี้ ตึกแถวชื่อสหพรลิ้มการช่างเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการก่อสร้างตึกให้เช่าของจำเลยทั้งห้าเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้เพราะจำเลยทั้งห้าไปต่างจังหวัด การที่เจ้าพนักงานศาลปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล จึงเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและคำฟ้องโดยชอบ และกำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
จำเลยทั้งห้าร่วมกันเป็นหุ้นส่วนมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใช้ชื่อทางการค้าว่าสหพรลิ้มการช่าง ได้ร่วมกันก่อสร้างตึกแถวให้เช่า และใช้ตึกแถวมีป้ายชื่อว่าสหพรลิ้มการช่าง เป็นสำนักงานติดต่อกับโจทก์และบุคคลทั่วไป ดังนี้ ตึกแถวชื่อสหพรลิ้มการช่างเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการก่อสร้างตึกให้เช่าของจำเลยทั้งห้าเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้เพราะจำเลยทั้งห้าไปต่างจังหวัด การที่เจ้าพนักงานศาลปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล จึงเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด.
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550-1551/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์การดำเนินการที่ไม่สุจริตหรือขัดกฎหมาย ราคาประเมินเป็นเกณฑ์สำคัญ
การจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้นั้น ต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตหรือมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มิได้ต่ำกว่าราคาประเมินแม้แต่รายเดียวและไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ระแวงว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริต ข้อที่อ้างว่าจำเลยมีเวลาจะสามารถหาคนมาประมูลซื้อได้ราคาสูงกว่า และหากขายไปจะทำให้จำเลยเดือดร้อน ไม่ใช่เหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4676/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการออกคำบังคับคดีและการไม่อาจรื้อฟื้นข้อพิพาทที่ตัดสินถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำบังคับได้เองตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 แม้โจทก์มิได้แถลงขอให้ออกคำบังคับ
ในชั้นบังคับคดี จำเลยขอให้งดการบังคับคดี อ้างว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำยึดทรัพย์นั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์จำเลย แต่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้แล้วว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ แม้จำเลยจะอ้างว่า จำเลยค้นหาเอกสารการหักกลบลบหนี้มาเป็นพยานได้คดีก็ไม่อาจรื้อฟื้นปัญหาซึ่งยุติถึงที่สุดแล้วขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก
ในชั้นบังคับคดี จำเลยขอให้งดการบังคับคดี อ้างว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำยึดทรัพย์นั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์จำเลย แต่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้แล้วว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ แม้จำเลยจะอ้างว่า จำเลยค้นหาเอกสารการหักกลบลบหนี้มาเป็นพยานได้คดีก็ไม่อาจรื้อฟื้นปัญหาซึ่งยุติถึงที่สุดแล้วขึ้นมาพิจารณาซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4179/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดค่าจ้างลูกจ้างรัฐบาล: ค่าจ้างและเงินช่วยเหลือบุตรได้รับการคุ้มครองจากการบังคับคดี
เทศบาลเป็นทบวงการเมืองตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 7 วรรคสอง จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของเทศบาลตำบลจึงเป็นลูกจ้างของรัฐบาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) ค่าจ้างของลูกจ้างของรัฐบาลไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลอายัดสิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างของจำเลย สำหรับเงินยังชีพและเงินช่วยเหลือบุตรเป็นเงินที่กำหนดให้เบิกจ่ายแก่ลูกจ้างเป็นประจำทุกเดือนเพื่อการครองชีพในลักษณะเดียวกับค่าจ้าง ถือได้ว่าเป็นค่าจ้างจึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีเช่นกัน
(โปรดเทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 2784/2522)
(โปรดเทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 2784/2522)