พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย บาดแผลเล็กน้อยเข้าข่ายวรรคสองมาตรา 339 และการบังคับชำระค่าปรับจากศาล
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยผู้เสียหายปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เพียงว่า คางข้างขวาบวม ไม่มีเขียว ไม่ช้ำ รักษาหายภายใน 3 วัน เป็นบาดแผลเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง มิใช่วรรคสี่
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนด นั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนด นั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน ร่วมกับพวกรถจักรยานยนต์
จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ การลักทรัพย์ และความแตกต่างของเจตนาในการใช้กำลังประทุษร้าย
การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธ ศาลลงโทษตามฟ้องได้ หากโจทก์พิสูจน์การกระทำใช้กำลังได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้านได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออกขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ.และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธข่มขู่ ศาลลงโทษฐานปล้นทรัพย์ได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก ขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ. และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149-150/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธปืนยิงผู้อื่น เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยใช้กำลังกระชากสร้อยจนขาดจากคอผู้เสียหาย และพวกจำเลยในกลุ่มที่วิ่งหนีได้ใช้ปืนยิงพวกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ เมื่อกำลังวิ่งไล่ติดตามพวกคนร้ายอย่างกระชั้นชิด เป็นการลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาเอาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุม การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ และเมื่อมีผู้กระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยใช้ปืนยิงเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายแล้ว ก็เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญหลังกระทำความผิด ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ หากไม่ได้ขู่เข็ญว่าจะทำร้ายในทันที
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยใช้วาจาขู่เข็ญ หาได้ระบุบ่งชัดไปว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญหลังลงมือลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ หากไม่ชัดเจนว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายในทันใด
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยใช้วาจาขู่เข็ญ หาได้ระบุบ่งชัดไปว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายไม่จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเพื่อลักทรัพย์: การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์ต้องดูเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายในทันที
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยใช้วาจาขู่เข็ญ หาได้ระบุบ่งชัดไปว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายไม่. จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์. แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334.