พบผลลัพธ์ทั้งหมด 107 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้เงิน แม้ไม่มีสัญญากู้ก็อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คได้ ศาลต้องสืบพยานจำเลย
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282-285/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเป็นมูลหนี้ฟ้องได้ แม้ไม่มีเอกสารกู้
เอกสารที่เป็นหลักฐานการกู้นั้น จำต้องมีเพื่อฟ้องเรียกเงินก็แต่ในกรณีฟ้องตามสัญญากู้เท่านั้น แต่ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ แม้จะไม่มีเอกสารเป็นหลักฐานการกู้ เช็คนั้นก็เป็นมูลหนี้ที่ฟ้องเรียกเงินได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282-285/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเป็นมูลหนี้ฟ้องได้ แม้ไม่มีเอกสารกู้
เอกสารที่เป็นหลักฐานการกู้นั้น จำต้องมีเพื่อฟ้องเรียกเงินก็แต่ในกรณีฟ้องตามสัญญากู้เท่านั้นแต่ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้เงินกู้แม้จะไม่มีเอกสารเป็นหลักฐานการกู้ เช็คนั้นก็เป็นมูลหนี้ที่ฟ้องเรียกเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้เงินดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย: สัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้าม
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับ โดยผู้ให้กู้ให้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้ 14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรจึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดขกฎหมาย การเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้น ส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000 บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาท จึงหาต้องรับผิดด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราและนิติกรรมอำพราง: การกู้เงินที่มีข้อตกลงให้ชำระหนี้สูงเกินจริง
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับโดยผู้ให้กู้ให้ผู้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควร จึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายการเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้นส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาทจึงหาต้องรับผิดด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้สินสมยอม: การกู้เงินโดยผู้อนุบาลเพื่อเรียกทรัพย์สินของบุคคลไร้ความสามารถ ศาลพิพากษายืนตามชั้นต้น
จำเลยที่ 1 เป็นคนไร้ความสามารถ จำเลยที่ 2 เป็นผู้อนุบาลตามคำสั่งศาล จำเลยที่ 2 ได้สมยอมทำหนังสือสัญญากู้เงินกับโจทก์เพื่อเรียกร้องเอาทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เมื่อเป็นเช่นนี้จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดินหลังกู้เงิน – ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์โดยเอาที่ดินเป็นประกันเงินกู้ต่อมาจำเลยเอาที่ดินแปลงนี้ไปจำนองเสีย การกระทำของจำเลยดังนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 และ 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้เงินต้องมีลายมือชื่อผู้ให้ยืม ใบรับชำระหนี้ที่มีเพียงลายนิ้วมือไม่ถือเป็นหลักฐานตามกฎหมาย
การที่จำเลยอ้างว่าใบรับชำระหนี้ซึ่งมีหลักฐานการกู้เป็นหนังสือหายแล้วนำพยานบุคคลเข้าสืบว่า ใบรับนั้นโจทก์ผู้ให้ยืมพิมพ์ลายนิ้วมือให้ไว้ และมีคนลงนามในใบรับนั้นเพียงคนเดียวเช่นนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าโจทก์ผู้ให้ยืมได้ลงลายมือชื่อตามกฎหมาย จึงเท่ากับจำเลยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการปลอมเอกสารซื้อขายและกู้เงิน ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับผู้มีชื่อคนหนึ่งและให้มัดจำไว้แล้วต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปแสดงเพื่อขอกู้เงินกับผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งเช่นนี้ เรียกว่าโจทก์มิได้รับความเสียหายฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญจากการกู้เงินของผู้จัดการ
การที่หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ ทำหนังสือสัญญากู้เงินจากบุคคลภายนอกนั้น จะให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญาต้องรับผิดด้วยหาได้ไม่ เว้นแต่ผู้ให้กู้จะพิสูจน์ได้ว่าผู้นั้นได้ทำในฐานะเป็นผู้จัดการหรือตัวแทนของห้างหุ้นส่วนหรือได้นำเงินที่กู้มาใช้ในกิจการห้างหุ้นส่วนนั้น ๆ