คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขอบเขตความรับผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของกรรมการบริษัท: ผู้จัดการ vs. กรรมการที่ไม่ใช่ผู้จัดการในคดีล้มละลาย
กรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ผู้จัดการ ไม่มีหน้าที่จัดธุรกิจของบริษัท คงเป็นแต่ผู้แทนของบริษัทในฐานะที่บริษัทเป็นนิติบุคคล และมีหน้าที่ให้คำปรึกษาในการประชุมกรรมการแก่ผู้จัดการเท่านั้น ปรากฏว่าการจัดธุรกิจของบริษัทซึ่งอยู่ในความรับผิดของผู้จัดการ ได้ทำให้ต้องเสียหาย ดังนี้ หากกระทำนั้นมิได้อยู่ในข้อหนึ่งข้อใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1168 ซึ่งกรรมการของบริษัทจะต้องรับผิดชอบร่วมกันแล้ว กรรมการที่ไม่ใช่ผู้จัดการก็ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
การที่กรรมการบริษัทละเลยไม่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งให้ทราบว่าบริษัทขาดทุนตลอดมาทุกปี และเมื่อบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการก็ไม่เคยเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการขาดทุนนั้น เป็นข้อที่น่าตำหนิ แต่ก็มิใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้บริษัทเสียหาย กรรมการบริษัทจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และการดำเนินคดีแทนตัวการที่ถึงแก่ความตาย
การที่คู่ความตั้งแต่งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 60 นั้น เป็นการตั้งแต่งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทน ฉะนั้น เมื่อโจทก์ผู้เป็นตัวการถึงแก่กรรมกรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อสัญญาตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตัวการตายตัวแทนต้องจัดการอันสมควรทุกอย่าง เพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ อันเขาได้มอบหมายแก่ตนไปจนกว่าทายาทหรือผู้แทนของตัวการจะเข้าปกปักรักษาประโยชน์นั้นๆ ได้ ดังนี้ ทนายโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ทนายโจทก์ฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายหาเป็นโมฆะไม่ แม้ตัวโจทก์จะถึงแก่ความตายไปก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษา และยังไม่มีทายาทร้องขอเข้ารับมรดกความและแต่งทนายโจทก์เป็นทนายความของผู้รับมรดกความก็ตาม
จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 คันที่เกิดเหตุรถชนกันไปปฏิบัติงานในหน้าที่ของจำเลยที่ 2 มาตั้งแต่ก่อนวันเกิดเหตุโดยไม่ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ทักท้วงหรือมีบุคคลอื่นขับขี่รถยนต์คันนั้น วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกเครื่องสูบน้ำไปช่วยสูบน้ำให้หมู่บ้านชาวเขาอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับหน้าที่ราชการของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ข้อที่จำเลยที่ 2อ้างว่าได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ทำงานในตำแหน่งผู้ชำนาญงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ใช้ในการก่อสร้าง ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์นั้นเป็นระเบียบข้อบังคับอันเป็นเรื่องภายในของจำเลยที่ 2 จะอ้างมาต่อสู้หรือใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้
หลังจากเลิกงานขนน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวเขาอันเป็นการงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 1 ยังมิได้เอารถเข้าเก็บแต่ได้ขับไปที่แห่งอื่นจนกระทั่งเกิดเหตุชนรถยนต์ของทางราชการทหารอากาศ เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้จะเกิดเหตุหลังจากเลิกงานแล้ว ก็ถือว่ายังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เพราะการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้นโดยอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1จะต้องนำรถยนต์มาเก็บที่สำนักงานของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446-449/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์, ความรับผิดทางละเมิด, การประเมินค่าเสียหาย, และขอบเขตความรับผิดของจำเลยร่วม
แม้จำเลยจะได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและโจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องแต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้เป็นข้ออุทธรณ์จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
การที่มีผู้คนเอาเงินมาช่วยทำศพผู้ตายมากน้อยเพียงไรจะเอามาช่วยบรรเทาความรับผิดของจำเลย หาได้ไม่
แม้ผู้ตายจะกำลังศึกษาเล่าเรียน แต่ปรากฏว่าผู้ตายเป็นนักเรียนช่างกลปีที่ 3 แล้วซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็อาจเรียนจบหลักสูตร และผู้ตายมีความผูกพันตามกฎหมายต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา แม้ในปัจจุบันผู้ตายยังศึกษาเล่าเรียนมิได้อุปการะบิดามารดาก็ดี บิดามารดาย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อเหตุขาดไร้อุปการะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1613/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในหนี้ของสามีผู้ตาย: อายุความและขอบเขตความรับผิดของผู้รับมรดก
สามีจำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคารโจทก์อยู่แล้วถึงแก่กรรม จำเลยทำหนังสือรับใช้หนี้ให้แก่โจทก์มีข้อความว่า"ข้าพเจ้าขอให้สัญญาในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกนายไสว ทวีการ ต่อธนาคารว่า ข้าพเจ้าจะนำเงินมาผ่อนชำระให้แก่ธนาคาร....." ดังนี้แสดงว่าจำเลยมิใช่ลูกหนี้โจทก์โดยตรง จำเลยเพียงแต่ทำหนังสือรับใช้หนี้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกนายไสว ทวีการ ผู้ตายลูกหนี้โจทก์เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เมื่อจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ดังกล่าวข้างต้น อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่ความตายของเจ้ามรดกนั้น จึงสะดุดหยุดลง และต้องตั้งต้นนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้จากการกู้เงินอันมีกำหนด 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำบังคับคดี และขอบเขตความรับผิดของคู่ความในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา
การที่ศาลได้ออกหมายบังคับคดี ตั้งหัวหน้ากองหมายเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการยึดอายัดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือทำการอื่นใดโดยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นเรื่องการดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำบังคับหรือหมายบังคับที่ศาลออกไปแล้ว ถ้าศาลนั้นเองมาพิจารณาเห็นว่าไม่ถูกต้อง ศาลนั้นย่อมออกคำสั่งแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เป็นเรื่องที่ศาลสั่งแก้ไขคำบังคับ มิใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกัน: การตีความขอบเขตความรับผิดในระยะเวลาที่จำกัด และผลของการประกันภัย
สัญญานั้นต้องตีความในทางที่คู่กรณีอาจปฏิบัติได้การปฏิบัติของคู่สัญญาอาจประกอบให้เห็นเจตนาแท้จริงได้
สัญญาค้ำประกันมีว่า "ใช้สำหรับระหว่าง 2 เดือน" หมายความว่าผู้ค้ำประกันรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างเวลานั้น แม้จะค้างชำระอยู่จนพ้นกำหนดนั้นไปก็ตามไม่ใช่ว่าถ้ายังไม่ชำระหนี้ให้เสร็จภายใน 2 เดือน ผู้ค้ำประกันไม่รับผิดชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ การพิสูจน์ความรับผิดและขอบเขตการชดใช้
จำเลยเป็นปลัดอำเภอทำหน้าที่นายไปรษณีย์อนุญาตเช่นเดียวกับนายอำเภอและปลัดอำเภออีกหลายคน เมื่อเงินไปรษณีย์หายไปโดยไม่ปรากฏว่าหายในระหว่างความรับผิดของใครแม้จะอ้างว่าทุกๆ คนต่างประมาทเลินเล่อ ก็มิใช่ประมาทร่วมกันจะเฉลี่ยให้จำเลยรับผิดด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกัน: ค้ำช่างทองเฉพาะความเสียหายในหน้าที่การงาน ไม่รวมเงินล่วงหน้า
ทำสัญญาค้ำประกันลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่เป็นช่างทองของโจทก์โดยยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่ลูกจ้างทำขึ้นนั้น ย่อมหมายความว่าผู้ค้ำประกันยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ซึ่งเกิดจากการกระทำของลูกจ้างในหน้าที่การงานที่จ้างกันเท่านั้นหากจะให้ผู้ค้ำประกันรับผิดในประการอื่นนอกจากหน้าที่การงานที่จ้างเช่นเงินล่วงหน้าที่ลูกจ้างขอรับไปนั้น ความรับผิดเช่นว่านี้ต้องกล่าวไว้ให้ชัด มิฉะนั้น ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
ประเพณีเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบ อ้างว่าตามประเพณีช่างทองจะต้องรับเงินล่วงหน้าผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดด้วยดังนี้เมื่อโจทก์ไม่สืบผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ขนส่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ควบคุมสินค้า – สัญญาขนส่ง
สัญญาขนส่งมีว่า"ผู้รับจ้างยอมให้ผู้จ้างส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมข้าวในระหว่างทำการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางฯลฯ " ดังนี้ผู้ขนส่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมข้าวเพียงแต่จัดพาหนะขนส่งไปให้ถึงปลายทางเท่านั้น เมื่อข้าวสูญหายไปในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งผู้จ้างแต่งตั้ง ผู้ขนส่งก็ไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและขอบเขตความรับผิดของผู้เช่าร่วม กรณีจำเลยให้เช่าช่วงต่อ
โจทก์จำเลยต่างร่วมกันเช่าห้องอยู่อาศัยและค้าขายร่วมกันรวม 2 ห้อง อยู่มาโจทก์ไม่อยู่ จำเลยกั้นห้องเช่าแบ่งให้ คนอื่นเช่าแทนเสีย 1 ห้อง โจทก์กลับมาจึงฟ้องจำเลยขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่ยังเหลือ และเรียกค่าเสีย
หาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็น จำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลย กับผู้ให้เช่า ผู้เช่าแทน ร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีฉะเพาะจำเลยเดิม ย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาท ไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่า ความจริงจำเลย เป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้./
of 6