พบผลลัพธ์ทั้งหมด 109 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีครอบครองปรปักษ์: สิทธิครอบครองตามโฉนดที่ดินเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้น
ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ โจทก์ย่อมได้รับข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าเป็นสิทธิของโจทก์ จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย จึงมีหน้าที่นำสืบ แม้จำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ได้นำพยานเข้าสืบโดยโจทก์มิได้ถามค้านพยานฝ่ายจำเลยไว้ก็ตาม แต่ที่โจทก์นำสืบเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.9 ว่า ถ. ในฐานะตัวแทนของโจทก์และโจทก์ร่วมได้ให้ ก. เช่าที่พิพาท ดังนี้ การนำสืบของโจทก์เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวจึงมิใช่เพื่อหักล้าง หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานของฝ่ายจำเลยที่นำสืบก่อน ฉะนั้น แม้ว่าโจทก์จะมิได้ถามค้านพยานฝ่ายจำเลยเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวไว้ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับฟังพยานเช่นว่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4334/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดในคดียาเสพติด: การครอบครองเฮโรอีนเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
กรณีตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 ที่บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เว้นแต่การมีไว้ในครอบครองในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการตามที่รัฐมนตรีจะอนุญาตเป็นหนังสือเฉพาะรายหรือเฉพาะกรณีที่เห็นสมควร การผลิต นำเข้าส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าผลิตนำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย นั้นเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักถึง 61.388 กรัม ไว้ในครอบครองจริงเช่นนี้จึงถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นเพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2557/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: การพิสูจน์หนี้สินล้นพ้นตัวจากทรัพย์สินที่มีอยู่จริงและข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีแพ่ง จำนวน200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย เมื่อครบกำหนดตามคำบังคับแล้วจำเลยไม่ได้ชำระหนี้ ศาลออกหมายบังคับคดี ปรากฏว่าจำเลยมีเงินฝากในบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์เหลือประมาณ 400 บาท และ 200 บาท ตามลำดับ และไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะพึง ยึดมาชำระหนี้ได้ จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตาพ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(5) ว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเรื่องการครอบครองยาเสพติดเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย จำเลยหักล้างไม่ได้
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานทางกฎหมายเรื่องยาเสพติด: ครอบครองยาเสพติดปริมาณมาก ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก44.356 กรัม ไว้ในครอบครอง ถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ด ขาดจำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดเรื่องยาเสพติดประเภท 1: การครอบครองเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่าการผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลายต้องพิจารณาเหตุผลอื่นนอกเหนือจากข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริง
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้น มิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวด้วย ดังนั้น ถ้าปรากฏเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วรวม 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใด ทั้งจำเลยได้นำสืบว่าหนี้ระงับแล้วและจำเลยอยู่ในฐานะจะชำระหนี้ได้ จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: ศาลต้องพิจารณาเหตุผลอื่นประกอบข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย เพื่อประเมินฐานะหนี้สินที่แท้จริงของผู้ถูกฟ้อง
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้นนอกจากจะอาศัยข้อเท็จจริง อันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายแล้ว ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นว่าจำเลยตก อยู่ ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริง ลำพังแต่ทางนำสืบของโจทก์แม้จะได้ความตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย แต่ถ้า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตก อยู่ ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใด ทั้งจำเลยได้นำสืบว่าหนี้ระงับแล้ว และจำเลยอยู่ในฐานะชำระหนี้ได้ จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตก เป็นบุคคลล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: ศาลต้องพิจารณาเหตุผลอื่นประกอบข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย เพื่อยืนยันฐานะหนี้สินล้นพ้นตัว
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้น มิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวด้วย ดังนั้นถ้าปรากฏเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วรวม 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใด ทั้งจำเลยได้นำสืบว่าหนี้ระงับแล้วและจำเลยอยู่ในฐานะจะชำระหนี้ได้ จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชนรถยนต์ การพิพากษาความรับผิดชอบจากพฤติการณ์ขับรถ และข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย
จำเลยที่1ขับรถยนต์ด้วยความเร็วแต่อยู่ในช่องทางเดินรถของตนจำเลยที่2ขับรถยนต์กินทางเข้าไปในช่องทางเดินรถของจำเลยที่1จึงเกิดชนกันขึ้นเหตุที่เกิดการชนกันจึงเป็นความประมาทของจำเลยที่2แม้หลังเกิดเหตุจำเลยที่1จะหลบหนีไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตามกฎหมายจะให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดก็เป็นข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1ไม่ได้กระทำผิดจะนำข้อสันนิษฐานมารับฟังลงโทษจำเลยที่1หาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)