พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7232/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเสพและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดหลายกรรม การพิพากษาโทษ
ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีลักษณะของการกระทำที่แตกต่างและต่างขั้นตอนกัน แยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งเป็นการกระทำความผิดกฎหมายคนละมาตรากัน แม้จำเลยถูกจับกุมในคราวเดียว ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ต่อมาตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6991/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือแจ้งเบาะแสยาเสพติด ลดโทษจำเลยฐานครอบครองเพื่อจำหน่าย
การที่จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 ทั้งยังให้ความร่วมมือช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุมจำเลยที่ 2 อีก โดยโทรศัพท์ไปหาจำเลยที่ 2 ทำทีสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนและให้จำเลยที่ 2 นำมาส่งที่ร้านของจำเลยที่ 1 เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ได้รออยู่จับกุม เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง นับเป็นการได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อตำรวจตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6734/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหน่วงที่ดิน แม้คดีขาดอายุความ ศาลสั่งให้โอนได้ตามสัญญา
โจทก์กับ ข. ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทโดยโจทก์ชำระราคาครบถ้วนแล้ว ส่วน ข. ได้ส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ครอบครอง แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ หนี้ดังกล่าวจึงเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์เกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครอบครองอยู่จนกว่าจะมีการจดทะเบียนโอน โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงที่ดินพิพาทตามความหมายใน ป.พ.พ. มาตรา 241 แม้คดีโจทก์ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม ก็ตาม แต่ตามมาตรา 1754 วรรคสาม ยังบัญญัติให้อยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 193/27 ก็กำหนดให้ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงที่ดินไว้จนกว่าจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ ข. ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ทั้งยังมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความมรดกที่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม ทั้งในชั้นอุทธรณ์โจทก์ได้อุทธรณ์เรื่องอายุความดังกล่าวและอ้างว่ามีสิทธิยึดหน่วงตาม ป.พ.พ. มาตรา 241 ด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็ได้วินิจฉัยเรื่องอายุความมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม ประกอบมาตรา 193/27 และมาตรา 241 อันเป็นเรื่องอายุความมรดกตามที่คู่ความว่ากล่าวกันมาโดยชอบ จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาเกินคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6212/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่มีใบอนุญาต ไม่ต้องมีใบอนุญาตเพิ่มเติม
เครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย การครอบครองเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงไม่ต้องมีใบอนุญาตอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4797/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการแยกความผิดฐานครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่าย
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยมีและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135ฯ เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามบัญชีท้ายประกาศดังกล่าวซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจำเลยได้ทราบประกาศนี้แล้ว จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด และเป็นการยืนยันว่าจำเลยทราบประกาศดังกล่าวแล้วแม้โจทก์จะไม่แนบประกาศดังกล่าวมาพร้อมคำฟ้อง ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่าย – พยานหลักฐานไม่พอฟัง – การริบยานพาหนะ
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความชัดเจนถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่โจทก์นำสืบเพียงว่าสายลับโทรศัพท์มาแจ้งร้อยตำรวจเอก ส. ว่าจะมีผู้นำยาเสพติดให้โทษไปส่งให้แก่ลูกค้า ร้อยตำรวจเอก ส. กับพวกจึงคอยดักจับกุม ต่อมาจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อโจทก์มิได้นำสายลับมาเป็นพยานเบิกความว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่ายให้กับผู้ใด ที่ไหน อย่างไร พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่าย แม้โจทก์จะนำสืบว่าในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมานำสืบประกอบ แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางจะมีจำนวนถึง 404 เม็ด แต่เมื่อคำนวณน้ำหนักเป็นสารบริสุทธิ์แล้วไม่ถึง 20 กรัม จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย
การที่จำเลยใช้กระดาษหนังสือนิตยสารห่อหุ้มเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ววางไว้ที่ตะแกรงด้านหน้ารถจักรยานยนต์ของกลางโดยเปิดเผย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
การที่จำเลยใช้กระดาษหนังสือนิตยสารห่อหุ้มเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ววางไว้ที่ตะแกรงด้านหน้ารถจักรยานยนต์ของกลางโดยเปิดเผย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4168/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ แม้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม และประเด็นการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำความผิดนั้น บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1..." ส่วนมาตรา 67 บัญญัติว่า "ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึงยี่สิบกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท" เท่านั้น ตามบทมาตราดังกล่าว ไม่ได้บัญญัติว่ายาเสพติดให้โทษต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่กำหนดไว้จึงจะเป็นความผิด เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 48 เม็ด น้ำหนัก 4.158 กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ตามคำฟ้องโจทก์จะไม่ได้ระบุว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนักเท่าใด แต่ก็เป็นกรณีที่จำเลยมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึงยี่สิบกรัมแล้วการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวได้
จำเลยถูกฟ้องเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2544 อันเป็นวันก่อนที่ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ และบทบัญญัติในหมวด 3 มาตรา 19 ว่าด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งกฎหมายดังกล่าวใช้บังคับ และจำเลยมิได้เป็นเพียงผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดและมีไว้ในครอบครองอันเป็นหลักเกณฑ์ที่จะถูกส่งตัวไปฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ทั้งตามหลักฐานของจำเลยก็ปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ไปเข้าค่ายฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบสมัครใจหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น จำเลยจึงไม่ใช่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่จะถือว่าจำเลยพ้นจากความผิดที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 19 ตามบทบัญญัติมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว
จำเลยถูกฟ้องเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2544 อันเป็นวันก่อนที่ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ และบทบัญญัติในหมวด 3 มาตรา 19 ว่าด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งกฎหมายดังกล่าวใช้บังคับ และจำเลยมิได้เป็นเพียงผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดและมีไว้ในครอบครองอันเป็นหลักเกณฑ์ที่จะถูกส่งตัวไปฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ทั้งตามหลักฐานของจำเลยก็ปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ไปเข้าค่ายฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบสมัครใจหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น จำเลยจึงไม่ใช่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่จะถือว่าจำเลยพ้นจากความผิดที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 19 ตามบทบัญญัติมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4159/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปและไม้สักอันยังมิได้แปรรูปเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคสอง (1) ส่วนความผิดฐานมีไม้สักอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคสอง (1) ความผิดทั้งสองฐานอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแยกต่างหากจากกันได้ แม้จำเลยจะมีไม้ของกลางไว้ในครอบครองคราวเดียวกันก็ตาม การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4103/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง: การครอบครองและเสนอขายถือเป็นความผิดกรรมเดียว
ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ มาตรา 4 ให้คำนิยามของคำว่า "ค้า" ว่า หมายความว่า ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน จำหน่าย จ่าย แจก หรือโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในทางการค้า และหมายความรวมถึงมีหรือแสดงไว้เพื่อขายด้วย ดังนั้น การที่จำเลยมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าคุ้มครองของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและวางเสนอขายของกลางดังกล่าว จึงเป็นความผิดฐานค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์คุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงกรรมเดียว ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง จำเลยก็ยกขึ้นอ้างในฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนเป็นคนละกรรม แม้เกิดในสถานที่เดียวกัน
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดมาตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในหมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน