พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารทางราชการที่ออกตามหน้าที่ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ไม่เป็นเอกสารปลอม
จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบล มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 4 ได้ออกมรณบัตรให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อความแสดงว่า นาย ท.ราษฎรในตำบลนั้น ได้ถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงนาย ท. ยังมีชีวิตอยู่ ดังนี้เอกสารที่จำเลยที่ 4 ออกนั้น ได้ออกให้ตามหน้าที่ที่เป็นนายทะเบียน จึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ใหญ่บ้านแจ้งความตามคำบอกเล่าลูกบ้าน ไม่ถือเป็นแจ้งความเท็จ แม้ไม่รู้ข้อเท็จจริง
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน กลับจากธุระมาถึงบ้านก็ได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นลูกบ้านว่าถูกโจทก์เรียกร้องเอาเงินไป ขอให้ไปแจ้งต่อตำรวจเพื่อเอาเงินคืน จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้ใหญ่บ้านจึงไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจตามคำบอกเล่าของลูกบ้าน อันเป็นการกระทำตามหน้าที่ของผู้ปกครองหมู่บ้าน โดยเชื่อตามคำบอกเล่าของลูกบ้านว่าเป็นความจริง เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ยังหามีความผิดฐานแจ้งความเท็จไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหาเดิม และโจทก์มิได้นำสืบยืนยันความจริง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อ ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้ จำเลยไม่ทราบเรื่องแสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์ โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้ว ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้ จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยได้ หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนความสมัครใจและเป็นความจริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบฟังได้ว่าจำเลยให้การับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด และมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่า จำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วย นอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด และมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่า จำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วย นอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนเท็จและการยกเว้นโทษอาญาตามมาตรา 330 เมื่อข้อร้องเรียนเป็นความจริง
จำเลยเป็นสมาชิกเทศบาล ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับเรื่องที่ภริยาของโจกท์ (โจทก์ เป็นปลัดเทศบาล) ตั้งเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางย้ายว่า "การเบิกจ่ายที่ผ่านไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริงหรือการทุจริตนี้วิญญูชนก็ต้องเข้าใจว่า คงกระทำไปด้วยความแนะนำรู้เห็นเป็นใจของโจทก์ผู้สามีอย่างแน่นอน เพราะต่างก็ทำงานร่วมกันและอยู่ในบ้านพักเดียวกัน การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการผิดกฎหมายและวินัยของราชการอย่างร้ายแรง" และ "แทนที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่และวางตนให้สมกับตำแหน่ง โจทก์กลับจะกลายมาเป็นผู้แสวงหาประโยชน์จากเทศบาลโดยวิธีที่ไม่ชอบ ทั้งมีความประพฤติส่วนตัวที่ไม่สมควรมากมายหลายอย่าง จนพนักงานเทศบาลและประชาชนขาดความเคารพนับถือ สำหรับความประพฤติส่วนตัวที่เลวร้ายของโจทก์นั้นจำเลยจะยังไม่ขอกล่าวในโอกาสนี้" ดังนี้ ข้อความที่กล่าวว่าโจทก์มีความประพฤติเลวร้ายแต่มิได้กล่าวว่าเลวร้ายอย่างใดนั้น ก็น่าจะเข้าใจได้ว่า การกระทำที่เป็นทุจริตอย่างจำเลยกล่าวหาโจทก์ เป็นความประพฤติที่เลวร้ายได้ และเมื่อปรากฏว่าคำร้องเรียนของจำเลยเป็นความจริง จำเลยก็ไม่ต้องรับโทษเพราะได้รับความยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีหลักฐานสนับสนุนว่าเป็นการให้การโดยสมัครใจและเป็นความจริง
คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบฟังได้วว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ และเมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้าง จำเลยก็ไม่ได้ถามค้านให้เห็นว่าจำเลยไม่เคยให้การรับสารภาพ คำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างมิใช่ลายมือของจำเลย การที่จำเลยนำสืบในภายหลังว่าคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย จึงเป็นการนำสืบเอาข้างเดียว ไม่มีน้ำหนัก
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ และเมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้าง จำเลยก็ไม่ได้ถามค้านให้เห็นว่าจำเลยไม่เคยให้การรับสารภาพ คำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างมิใช่ลายมือของจำเลย การที่จำเลยนำสืบในภายหลังว่าคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย จึงเป็นการนำสืบเอาข้างเดียว ไม่มีน้ำหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับในคดีก่อนไม่ผูกมัดคู่ความในคดีหลัง ศาลต้องวินิจฉัยตามความจริงเป็นธรรม
คำรับของคู่ความในคดีหนึ่งใช้ปิดปากผู้กล่าวในการพิจารณาคดีอีกคดีหนึ่งไม่ได้ เพราะคำรับไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะรับฟังได้โดยเด็ดขาด เป็นแต่เพียงพยานหลักฐานอันหนึ่งซึ่งใช้ยันผู้กล่าวเท่านั้น ผู้กล่าวจึงนำสืบหักล้างได้ ในการพิจารณาคดีหลังศาลจะต้องวินิจฉัยว่าความจริงเป็นอย่างไร จะถือว่าคำรับของคู่ความในคดีก่อนผูกมัดผู้กล่าวโดยสืบหักล้างไม่ได้เลยนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนเจ้าพนักงานต่อผู้บังคับบัญชา ไม่ถือเป็นการละเมิด หากข้อความนั้นเป็นความจริงและสุจริต
จำเลยยื่นคำร้องทุกข์ไปยังผู้บังคับบัญชากลางโจทก์ กล่าวหาว่าโจทก์กลั่นแกล้งให้จำเลยได้รับความเดือดร้อน โดยบรรยายรายละเอียดด้วยว่า โจทก์กระทำอย่างใดต่อจำเลยบ้าง แล้วขอให้สั่งสอบสวนพฤติการณ์ที่โจทก์กระทำต่อจำเลยนั้น ดังนี้ เมื่อได้ความว่าพฤติการณ์ตามที่จำเลยร้องเรียนไปนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแก่จำเลยจริง จำเลยกล่าวไปโดยไม่มีข้อความที่ผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนความจริง แม้ผลของการสอบสวนโจทก์จะปรากฎว่าโจทก์ได้กระทำการไปตามหน้าที่ราชการแล้ว โจทก์ก็จะอ้างว่าคำร้องของจำเลยที่ว่าโจทก์กลั่นแกล้งนั้นเป็นการฝ่าฝืนต่อความจริงหาได้ไม่การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดเจ็บป่วยในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
ผู้เอาประกันชีวิตเคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ไม่มีทางรักษาหาย และอาจตายใน 7 วัน ถึง 6 เดือนหรืออย่างช้า 5 ปี แต่ปกปิดความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วย ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลทำให้สัญญาประกันชีวิต เป็นโมฆียะ เมื่อผู้รับประกันชีวิตบอกล้างภายใน 1 เดือนแล้ว ย่อมตกเป็นโมฆะผู้รับประโยชน์จะฟ้องเรียกเงินประกันชีวิตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและสิทธิในทรัพย์มรดก: ฟ้องต้องระบุความจริงชัดเจน
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ