พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่มีสภาพเป็นคำฟ้อง โจทก์มีหน้าที่นำส่งคู่ความ หากไม่ทำ ถือทิ้งฟ้อง
คำขอให้พิจารณาใหม่ (ไม่ว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายขอ) ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องตามวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งเมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่.ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาลจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้
(เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511)
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งเมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่.ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาลจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้
(เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่มีสถานะเป็นคำฟ้อง โจทก์มีหน้าที่นำส่งตามกฎหมาย หากจำเลยเพิกเฉยถือเป็นการทิ้งฟ้อง
คำขอให้พิจารณาใหม่ (ไม่ว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายขอ)ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องตามวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งเมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาลจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้
(เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511)
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งเมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาลจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้
(เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่มีสถานะเป็นคำฟ้อง โจทก์มีหน้าที่นำส่ง หากจำเลยเพิกเฉยถือเป็นการทิ้งฟ้อง
คำขอให้พิจารณาใหม่ (ไม่ว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายขอ).ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องตามวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่ง.เมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่.ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาล.จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด. ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้. (เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511).
คำฟ้องนั้น กฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่ง.เมื่อคู่ความที่ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่.ไม่จัดการนำส่งสำเนาคำขอให้พิจารณาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำสั่งศาล.จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด. ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่าย(คดี) คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นเสียได้. (เฉพาะปัญหาที่ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้อง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันหลังทราบการบังคับคดี และต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2509 โดยอ้างว่าจำเลยได้กลับมาบ้านเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2509 รุ่งขึ้นก็ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลย เช่นนี้ จำเลยจึงรู้ได้ว่าถูกฟ้องและมีการบังคับคดีแล้ว แต่ไม่ได้ยื่นคำขอ ฯ ภายในกำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งคำขอของจำเลยก็มิได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลว่าไม่ถูกต้องประการใด คำขอของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้ และตามรูปคดีศาลก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอของจำเลยต่อไป เพราะตามคำขอของจำเลยก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ขาดเงื่อนไขตามกฎหมาย – ขาดการยื่นคำขอภายในกำหนดและข้อคัดค้านไม่ชัดเจน
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2509โดยอ้างว่าจำเลยได้กลับมาบ้านเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2509 รุ่งขึ้นก็ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยเช่นนี้ จำเลยจึงรู้ได้ว่าถูกฟ้องและมีการบังคับคดีแล้วแต่ไม่ได้ยื่นคำขอฯภายในกำหนด15 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งคำขอของจำเลยก็มิได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลว่าไม่ถูกต้องประการใดคำขอของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้ และตามรูปคดีศาลก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอของจำเลยต่อไป เพราะตามคำขอของจำเลยก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันหลังรู้ถึงการบังคับคดี และต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2509โดยอ้างว่าจำเลยได้กลับมาบ้านเมื่อวันที่ 27 กันยายน2509. รุ่งขึ้นก็ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลย. เช่นนี้ จำเลยจึงรู้ได้ว่าถูกฟ้องและมีการบังคับคดีแล้ว. แต่ไม่ได้ยื่นคำขอฯภายในกำหนด 15 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208. ทั้งคำขอของจำเลยก็มิได้กล่าวโดยละเอียดและชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลว่าไม่ถูกต้องประการใด. คำขอของจำเลยขาดองค์ประกอบสำคัญที่ศาลจะพึงรับไว้ได้. และตามรูปคดีศาลก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอของจำเลยต่อไป. เพราะตามคำขอของจำเลยก็พอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีหลังต่อสู้คดีแล้ว คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงิน ตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายจากธนาคารให้โจทก์แล้วบอกห้ามจ่ายเงิน จำเลยให้การรับว่าได้ออกเช็คให้โจทก์เพื่อนายธน (นายธนขอยืมเงินไปซื้อรถโจทก์) และเพื่อให้โจทก์โอนรถยนต์ให้นายธน ๆ จะได้เอารถคันนั้นมาเป็นประกันเงินที่นายธนยืมจากจำเลยไป แต่แล้วทราบว่า โจทก์ไม่มีรถโอนให้นายธน จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค เป็นเรื่องกลฉ้อฉลจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ ต่อมาจำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยขอให้พิจารณาใหม่ โดยกล่าวในคำขอว่า ตามรายงานพิจารณาของศาลและคำพิพากษาของศาลจังหวัดภูเก็ตยังไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของรูปคดี แล้วบรรยายถึงเหตุที่ตนได้ขาดนัดว่าไม่มีเจตนาหลักเหลี่ยงหรือขัดอำนาจของศาลแต่ประการใด ในที่สุดได้บรรยายว่า ประเด็นที่จะนำสืบก็ตกแก่ฝ่ายจำเลย จะต้องสืบพยานหักล้างหลักฐานก่อนโจทก์ ทั้งรูปคดีของโจทก์ก็เป็นกลฉ้อฉล มีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้ ที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า การขาดนัดนี้เกิดขึ้นเมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว ข้อความในคำขอก็อนุมานได้ว่าจำเลยหมายถึงเหตุผลดังที่จำเลยได้ต่อสู้คดีในคำให้การ พอที่จะถือได้ว่าจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2505 ระเบียบวาระพิเศษ)