พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินค่าไถ่โคโดยไม่มีหลักฐานการลักทรัพย์ ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่า มีผู้ลักโคของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าทรัพย์และพวกพบโคที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยนำโคนั้นมาให้เจ้าทรัพย์ และเอาเงินจำนวน 800 บาทจากเจ้าทรัพย์เป็นค่าไถ่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335,337
ทางพิจารณาฟังได้ว่าโคของผู้เสียหายนั้นตามโคตัวเมียในฝูงของจำเลยไปจำเลยบอกผู้เสียหายให้ไปเอาโคคืนโดยขอเงินค่าไถ่จากผู้เสียหายแล้วจำเลยคืนโคให้ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยลักโค ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ย่อมไม่ได้ และการที่จำเลยรับเงินค่าไถ่โคจากผู้เสียหาย แม้จะด้วยเจตนาทุจริตและคืนโคให้ผู้เสียหายไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร เพราะฟังไม่ได้เสียแล้วว่าโคของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปแล้วจำเลยรับไว้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
ทางพิจารณาฟังได้ว่าโคของผู้เสียหายนั้นตามโคตัวเมียในฝูงของจำเลยไปจำเลยบอกผู้เสียหายให้ไปเอาโคคืนโดยขอเงินค่าไถ่จากผู้เสียหายแล้วจำเลยคืนโคให้ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยลักโค ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ย่อมไม่ได้ และการที่จำเลยรับเงินค่าไถ่โคจากผู้เสียหาย แม้จะด้วยเจตนาทุจริตและคืนโคให้ผู้เสียหายไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร เพราะฟังไม่ได้เสียแล้วว่าโคของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปแล้วจำเลยรับไว้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าไถ่ในคดีรับของโจร - เหตุไม่ใช่ความเสียหายโดยตรงของผู้เสียหาย
ในคดีเรื่องรับของโจร อัยการไม่มีอำนาจฟ้องผู้รับของโจรให้คืนเงินค่าไถ่ทรัพย์แทนผู้เสียหาย เพราะมิใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทวงหนี้ไม่ใช่ค่าไถ่ ไม่เป็นความผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่
จำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่ผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วยกัน จำเลยได้ให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือและได้ให้ผู้เสียหายทำสัญญากู้เงินจำเลยตามจำนวนที่ถูกสลากกินรวบไว้แล้วให้ผู้เสียหายกลับไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยเป็นเพียงแต่จะทวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้ เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 การกรทะำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญตามมาตรานี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามมาตรา 313
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทวงหนี้ไม่ใช่ค่าไถ่ แม้มีลักษณะรุนแรง ไม่เข้าข่ายความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่
จำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่ผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วยกัน จำเลยได้ให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือและได้ให้ผู้เสียหายทำสัญญากู้เงินจำเลยเท่าจำนวนที่ถูกสลากกินรวบไว้แล้วให้ผู้เสียหายกลับไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยเป็นเพียงแต่จะทวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 การกระทำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญตามมาตรานี้จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามมาตรา 313
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจเรียกค่าไถ่ แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะเกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิด ก็ยังถือเป็นบุคคลที่สามตามกฎหมาย
การที่จำเลยร่วมเขียนจดหมายไปขู่เข็ญเพื่อหลอกลวงเอาเงินจากบิดาบุคคลผู้มีชื่อ แม้จะฟังว่า ผู้มีชื่อนั้นวานให้จำเลยเขียนหรือให้ไปรับเงินก็ตาม ก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดฐานกรรโชกไปได้ไม่ เพราะในแง่ของบิดาผู้มีชื่อซึ่งถูกข่มขืนใจ ก็ยังคงต้องถือว่า ผู้มีชื่อดังกล่าวเป็นบุคคลที่สามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 วรรคต้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่: ฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่มีพยานเห็นการกักขัง
ความผิดฐานสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อสินไถ่นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 สมคบกันกระทำผิดเริ่มแต่วันที่ 13 ธ.ค. ถึง 17 ธ.ค.95 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนอันเป็นเวลาระหว่างที่จำเลยลักพาเด็กไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อสินไถ่ ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดทำอะไร ความละเอียดนอกจากนี้เป็นข้อที่นำสืบ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและไม่หลงข้อต่อสู้ จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลัง เมื่อเหตุอื่น ๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริง จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลัง เมื่อเหตุอื่น ๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริง จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากการลักทรัพย์: ศาลอนุญาตให้ชดใช้ค่าไถ่แทนราคากล้อง แม้คำขอเดิมต่างกัน
ฟ้องขอไห้จำเลยไช้ราคากล้องที่ลักไปเปนเงิน 229 บ. 86 ส.ต. ปรากตว่าจำเลยจำนำกล้องไว้เปนเงิน 76 บ. โจทได้ไถ่คืนมาแล้ว จำเลยรับ สาลพิพากสาไห้จำเลยรับ สาลพิพากสาไห้จำเลยไช้เงินค่าไถ่กล้องคืนได้ ไม่เปนการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคากล้องที่ลักไปและการคืนเงินค่าไถ่: ศาลอนุญาตให้เรียกค่าไถ่คืนได้ตามคำขอ
ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคากล้องที่ลักไปเป็นเงิน 229 บาท86 สตางค์. ปรากฏว่าจำเลยจำนำกล้องไว้เป็นเงิน 76 บาทโจทก์ได้ไถ่คืนมาแล้ว จำเลยรับ. ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่กล้องคืนได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ. ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2485.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าไถ่แทนผู้เสียหายในคดีรับของโจร
อัยยการโจทก์จะฟ้องเรียกเงินค่าไถ่กระบือจากจำเลยแทนผู้เสียหายไม่ได้ อ้างฎีกาที่ 660/ 2480
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเรียกค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรม: อัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนเจ้าทรัพย์ในคดีรับของโจร
อัยยการโจทก์ไม่มีอำนาจเรียกเงินค่าไถ่ถอนกระบือที่เจ้าทรัพย์ได้เสียไปแทนเจ้าทรัพย์ อ้างฎีกาที่ 660/2480