พบผลลัพธ์ทั้งหมด 110 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ชื่อทางการค้าที่สอดคล้องกับชื่อเสียงของผู้อื่น ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
บริษัทจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์แต่ชื่อของบริษัทจำเลยที่ 1 มีคำว่า 'ฮิลตัน' 'โฮเต็ล' และ 'บางกอก' พ้องกับชื่อโรงแรมฮิลตันที่โจทก์ใช้ในการดำเนินกิจการโรงแรมทั่วโลกจนมีชื่อเสียงมานานทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดได้ว่าจำเลยที่ 1 คือโจทก์ และกิจการของจำเลยที่ 1 คือกิจการของโจทก์ จำเลยจึงนำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์มาใช้โดยไม่สุจริต ย่อมทำให้โจทก์เสียหายเพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน การที่มีบริษัทอื่นอีกมากมายนำชื่อฮิลตันของโจทก์ไปตั้งเป็นชื่อกิจการของตน หาได้ทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิดีขึ้นไม่และหากไม่ห้ามจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 อาจเปลี่ยนชื่อโรงแรมของจำเลยมาใช้ชื่อฮิลตันของโจทก์อีกเมื่อใดก็ได้โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้ชื่อ ฮิลตัน เป็นชื่อของบริษัทหรือโรงแรมของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ชื่อทางการค้าที่สับสนจนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของธุรกิจโรงแรม
บริษัทจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์แต่ชื่อของบริษัทจำเลยที่ 1 มีคำว่า 'ฮิลตัน''โฮเต็ล' และ 'บางกอก' พ้องกับชื่อโรงแรมฮิลตันที่โจทก์ใช้ในการดำเนินกิจการโรงแรมทั่วโลกจนมีชื่อเสียงมานานทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดได้ว่าจำเลยที่ 1 คือโจทก์ และกิจการของจำเลยที่ 1 คือกิจการของโจทก์ จำเลยจึงนำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์มาใช้โดยไม่สุจริต ย่อมทำให้โจทก์เสียหายเพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน การที่มีบริษัทอื่นอีกมากมายนำชื่อฮิลตันของโจทก์ไปตั้งเป็นชื่อกิจการของตน หาได้ทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิดีขึ้นไม่และหากไม่ห้ามจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 อาจเปลี่ยนชื่อโรงแรมของจำเลยมาใช้ชื่อฮิลตันของโจทก์อีกเมื่อใดก็ได้โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้ชื่อ ฮิลตันเป็นชื่อของบริษัทหรือโรงแรมของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทต้องยืนยันข้อเท็จจริง การถามความเห็นหรือคาดคะเน ไม่ถือเป็นความผิด
การที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น จะต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริงที่ใส่ความนั้นต่อบุคคลที่สามและการใส่ความนั้นน่าจะทำให้ผู้อื่นที่ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนั้น การที่จำเลยถาม ป. ว่ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์หรือไม่ จึงเป็นเพียงการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น มิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอันน่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทและข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าววาจาต่อหน้าโจทก์ จึงไม่ใช่เป็นดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า จำเลยไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากวิญญูชนทั่วไป ไม่ใช่ความรู้สึกผู้ถูกหมิ่นประมาท
ข้อความที่กล่าวจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ถึงความรู้สึกของวิญญูชนทั่ว ๆ ไปเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าข้อความที่กล่าวนั้นถึงขั้นที่ทำให้ผู้ถูกหมิ่นประมาทน่าจะเสียชื่อเสียง ถูกบุคคลอื่นดูหมิ่นเกลียดชังหรือไม่ ไม่ใช่พิจารณาตามความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทแต่ฝ่ายเดียวการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานไปตามที่ทนายความซักถามว่า โจทก์ไม่ค่อยทำหน้าที่ธนาคารได้ลงโทษตัดเงินเดือนโจทก์ 10 เปอร์เซ็นต์ ฐานไม่ค่อยมาทำงาน ซึ่งโจทก์ก็รับว่าเป็นความจริงเพียงแต่เลี่ยงไปว่าถูกลงโทษฐานออกไปนอกสถานที่นั้น จำเลยมีเจตนาจะให้ความจริงต่อศาลในการพิจารณาคดี มิได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งใส่ความโจทก์ให้ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังแต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์เป็นหัวหน้าแผนกประจำธนาคารนั้น โจทก์จะมีตำแหน่งที่แท้จริงเป็นหัวหน้าแผนกประจำกองหรือหัวหน้าแผนกประจำธนาคาร วิญญูชนทั่วไปได้ยินได้ฟังแล้วหามีความเข้าใจในข้อแตกต่างของความหมายแห่งถ้อยคำของตำแหน่งหน้าที่ทั้งสองไม่ ผู้ได้ยินได้ฟังก็ไม่ถือหรือเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีอันเป็นการใส่ความ คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางธุรกิจ: การใส่ความให้เสียชื่อเสียงจากการกล่าวหาผิดสัญญาต่อสมาชิกสมาคม
จำเลยทั้งสองมีจดหมายแจ้งไปถึงเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนฮังการี เพื่อขอความร่วมมือจากสมาชิกคนหนึ่งในสมาคมจำเลยที่ 1 ให้ยกเลิกการสั่งจองห้องพักที่ทำไว้กับโจทก์ที่ 1มีข้อความว่า "...เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสมาคมของเรา ได้ดำเนินคดีต่อผู้บริหารกิจการโรงแรมเพรสิเดนท์คือบริษัทรีเจนท์ไทยแลนด์จำกัด เรา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคงจะไม่ต้องมีประสบการณ์กับความกลับกลอกดัง ที่เรา ได้ประสบติดต่อกันมา...เจ้าของโรงแรมได้ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบริษัทรีเจนท์ไทยแลนด์ จำกัด เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากเมื่อปีที่แล้วนี้ ด้วยเหตุที่บริษัทผิดนัดไม่จดทะเบียนการเช่า ภายในระยะเวลาที่กำหนด..." คำว่ากลับกลอกมีความหมายในทางกล่าวหาว่าโจทก์ที่ 1 ไม่น่าเชื่อถือไว้วางใจเป็นผู้ประพฤติผิดสัญญาทั้งโจทก์ที่ 1 ยังถูกฟ้องฐานผิดสัญญา ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกขาดความเชื่อ มั่นในการรักษาคำมั่นสัญญาของโจทก์ที่ 1เป็นการทำให้โจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจการค้าได้รับความเสื่อมเสียในชื่อ เสียงและเกียรติคุณ หาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันตน หรือส่วนได้เสียตามคลองธรรมแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการใส่ความให้โจทก์ที่ 1เสื่อมเสียชื่อ เสียงทางการประกอบกิจการค้า แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นลักษณะแจ้งหรือไขข่าวไปยังสมาชิกของสมาคมเท่านั้นไม่ถึงกับกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนทั่วไป ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2กระทำผิดมาก่อน จึงควรลงโทษสถานเบา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางธุรกิจ: การใส่ความให้เสียชื่อเสียงจากการแจ้งข้อมูลไปยังสมาชิกสมาคม
จำเลยทั้งสองมีจดหมายแจ้งไปถึงเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนฮังการี เพื่อขอความร่วมมือจากสมาชิกคนหนึ่งในสมาคมจำเลยที่ 1 ให้ยกเลิกการสั่งจองห้องพักที่ทำไว้กับโจทก์ที่ 1 มีข้อความว่า '..เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสมาคมของเราได้ดำเนินคดีต่อผู้บริหารกิจการโรงแรมเพรสิเดนท์คือบริษัทรีเจนท์ไทยแลนด์จำกัดเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคงจะไม่ต้องมีประสบการณ์กับความกลับกลอกดังที่เราได้ประสบติดต่อกันมา... เจ้าของโรงแรมได้ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบริษัทรีเจนท์ไทยแลนด์ จำกัดเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากเมื่อปีที่แล้วนี้ด้วยเหตุที่บริษัทผิดนัดไม่จดทะเบียนการเช่าภายในระยะเวลาที่กำหนด ' คำว่ากลับกลอกมีความหมายในทางกล่าวหาว่าโจทก์ที่ 1 ไม่น่าเชื่อถือไว้วางใจเป็นผู้ประพฤติผิดสัญญาทั้งโจทก์ที่ 1 ยังถูกฟ้องฐานผิดสัญญา ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในการรักษาคำมั่นสัญญาของโจทก์ที่ 1 เป็นการทำให้โจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจการค้าได้รับความเสื่อมเสียในชื่อเสียงและเกียรติคุณหาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันตนหรือส่วนได้เสียตามคลองธรรมแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการใส่ความให้โจทก์ที่ 1 เสื่อมเสียชื่อเสียงทางการประกอบกิจการค้า แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นลักษณะแจ้งหรือไขข่าวไปยังสมาชิกของสมาคมเท่านั้น ไม่ถึงกับกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนทั่วไป ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดมาก่อน จึงควรลงโทษสถานเบา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3498/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่สุจริต และการแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล โดยมีจำเลยที่1 เป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการผู้จัดการมีอำนาจกระทำกิจการแทนจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว คำบรรยายฟ้องของโจทก์และคำขอบังคับเป็นการฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 29 วรรคสองทั้งข้อเท็จจริงจำเลยทั้งสองก็แถลงรับว่าจำเลยเริ่มผลิตสินค้าที่ใช้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนฟ้องโดยโฆษณาว่าจำเลยเป็น ผู้แทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทยการกระทำของจำเลยทั้งสอง อาจเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อ โจทก์ดังข้ออ้างตามคำฟ้องโจทก์จึง มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH (วูลเวิร์ธ)และWOOLCO(วูลโก)และใช้แพร่หลายในทวีปอเมริกาและยุโรป หลายประเทศมาหลายสิบปีก่อนที่จำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เมื่อจำเลยที่1และที่ 2 ทราบดีว่าเครื่องหมายการค้า ดังกล่าวเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ใช้แพร่หลาย ในต่างประเทศมาก่อนและจำเลยได้นำเอาคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) มาขอจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 และนำมาใช้กับ ผลิตภัณฑ์กางเกงยีนส์ของจำเลยและโฆษณาว่าจำเลยที่ 2 เป็น ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว ในประเทศไทย จึงเป็นการแสดงเจตนา ให้เห็นว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิงเครื่องหมายการค้า ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริตการ ที่ จำเลยที่1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เป็นของตนจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH ดีกว่าจำเลยที่ 1 เครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWA,WOOLWO และ WOOLWARDที่จำเลยที่1ขอจดทะเบียนนอกจากมีคำหน้าว่า WOOLตรงกับคำหน้า ของเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นตัวยืนและจุดเด่นของ เครื่องหมายการค้าแล้ว คำท้ายของแต่ละคำก็อ่านออกเสียงใกล้เคียงกับ คำท้ายของเครื่องหมายการค้าWOOLWORTH และ WOOLCO ของโจทก์ด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยไม่ชอบจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWAWOOLWO และWOOLWARD เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยนำเอาเครื่องหมายการค้า คำว่า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลย โดยไม่สุจริตแล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าวย่อมอาจทำให้สาธารณชน เกิดความสับสนและหลงผิดได้ว่าสินค้าที่จำเลยผลิตออกจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าของโจทก์ หรือโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยการกระทำของจำเลย เป็นการแสวงหาประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จทำให้เสียชื่อเสียง แม้มีเจตนาป้องกันตนเอง ก็ยังถือเป็นการละเมิด
การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงอันเป็นการทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 นั้น ผู้กระทำจะต้องรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าไม่จริง จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความในหนังสือพิมพ์เพื่อให้นักข่าวของตนซึ่งถูกฆ่าตายได้รับความเป็นธรรม ถึงหากข่าวนั้นจะไม่เป็นความจริง โดยมีผู้แอบอ้างชื่อโจทก์นำสร้อยไปมอบให้ภริยารัฐมนตรีเพื่อวิ่งเต้นล้มคดีที่โจทก์ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่านักข่าว แต่เมื่อมีเหตุที่จำเลยที่ 3 จะคาดคิดเช่นนั้นได้จำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าไม่จริง การกระทำของจำเลยที่3 จึงไม่เป็นการทำละเมิด
การที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่า โจทก์เป็นผู้กระทำความผิด นำความชั่วและเสื่อมเสียมาสู่จังหวัดตราดจนเมื่อโจทก์ถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำ จึงมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงเป็นการชำระล้างความชั่วให้หมดสิ้นไป โดยที่โจทก์มิได้เป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์นั้น ย่อมเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียหรือเกียรติคุณของโจทก์ แม้หนังสือพิมพ์จะลงพิมพ์โฆษณาข้อความตามที่ได้รับฟังมาจากบุคคลอื่น เมื่อข้อความนั้นฝ่าฝืนต่อความจริง การกล่าวหรือไขข่าวซ้ำก็เป็นการทำละเมิด ทั้งข้อความที่จำเลยที่ 3 นำลงพิมพ์โฆษณาหาใช่เป็นการป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมหรือติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำไม่แม้ โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์และถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำ จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิที่จะนำเอาคำวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านมาลงพิมพ์โฆษณาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา การที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความซึ่งควรจะรู้ได้ว่าไม่จริง จึงเป็นการทำละเมิด
การที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่า โจทก์เป็นผู้กระทำความผิด นำความชั่วและเสื่อมเสียมาสู่จังหวัดตราดจนเมื่อโจทก์ถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำ จึงมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงเป็นการชำระล้างความชั่วให้หมดสิ้นไป โดยที่โจทก์มิได้เป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์นั้น ย่อมเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียหรือเกียรติคุณของโจทก์ แม้หนังสือพิมพ์จะลงพิมพ์โฆษณาข้อความตามที่ได้รับฟังมาจากบุคคลอื่น เมื่อข้อความนั้นฝ่าฝืนต่อความจริง การกล่าวหรือไขข่าวซ้ำก็เป็นการทำละเมิด ทั้งข้อความที่จำเลยที่ 3 นำลงพิมพ์โฆษณาหาใช่เป็นการป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมหรือติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำไม่แม้ โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์และถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำ จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิที่จะนำเอาคำวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านมาลงพิมพ์โฆษณาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา การที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความซึ่งควรจะรู้ได้ว่าไม่จริง จึงเป็นการทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จทำลายชื่อเสียง แม้เป็นการป้องกันตนเองหรือส่วนได้เสีย ก็ต้องรับผิดชอบหากรู้หรือควรจะรู้ว่าไม่จริง
การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงอันเป็นการทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา423 นั้นผู้กระทำจะต้องรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าไม่จริงจำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความในหนังสือพิมพ์เพื่อให้นักข่าวของตนซึ่งถูกฆ่าตายได้รับความเป็นธรรมถึงหากข่าวนั้นจะไม่เป็นความจริง โดยมีผู้แอบอ้างชื่อโจทก์นำสร้อยไปมอบให้ภริยารัฐมนตรีเพื่อวิ่งเต้นล้มคดีที่โจทก์ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่านักข่าวแต่เมื่อมีเหตุที่จำเลยที่ 3 จะคาดคิดเช่นนั้นได้จำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าไม่จริงการกระทำของจำเลยที่3 จึงไม่เป็นการทำละเมิด การที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิด นำความชั่วและเสื่อมเสียมาสู่จังหวัดตราดจนเมื่อโจทก์ถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำ จึงมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงเป็นการชำระล้างความชั่วให้หมดสิ้นไป โดยที่โจทก์มิได้เป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์นั้นย่อมเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียหรือเกียรติคุณของโจทก์แม้หนังสือพิมพ์จะลงพิมพ์โฆษณาข้อความตามที่ได้รับฟังมาจากบุคคลอื่นเมื่อข้อความนั้นฝ่าฝืนต่อความจริง การกล่าวหรือไขข่าวซ้ำก็เป็นการทำละเมิดทั้งข้อความที่จำเลยที่ 3นำลงพิมพ์โฆษณาหาใช่เป็นการป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมหรือติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำไม่แม้โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์และถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำจำเลยที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิที่จะนำเอาคำวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านมาลงพิมพ์โฆษณาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาการที่จำเลยที่ 3 ลงพิมพ์โฆษณาข้อความซึ่งควรจะรู้ได้ว่าไม่จริง จึงเป็นการทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3745/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความผู้อื่นต้องมีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง การโต้เถียงกันเองไม่ถือเป็นความเสียหาย
ศ.ได้นำเจ้าพนักงานไปดูสถานที่ซึ่งศ. กับพวกร้องเรียนว่าจำเลยใช้รถแทรกเตอร์ไถดินกลบลำเหมืองสาธารณะ ศ.กับจำเลยเกิดโต้เถียงกันและศ. ได้พูดว่าจำเลยก่อนว่าจำเลยจะโกงลำเหมือง จำเลยจึงพูดว่าศ.ก็โกงที่เขามา ดังนี้ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนั้น เป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำ ศ. เป็นเรื่องต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกันจึงถือไม่ได้ว่า ศ. เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯนั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฟังมา