คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตัวการร่วม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 265 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่า แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือเอง แต่มีเจตนาและพฤติการณ์ร่วม
จำเลยร่วมอยู่ในกลุ่ม ม. กับพวกเข้าไปจะทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 กับพวก โดย ม. มีอาวุธปืนเล็งมาทางที่ผู้เสียหายที่ 2 นั่ง จำเลยกวักมือเรียกกลุ่มผู้เสียหายที่ 2กับเข้าแย่งปืนจาก ม. และพูดว่า กูยิงเอง และเมื่อเสียงปืนดังขึ้น จำเลย ม. กับพวกก็วิ่งหลบหนีไปพร้อมกันแม้จะได้ความว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนยิง พฤติการณ์เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ม. ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายกับพวกผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการ ร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าพวกผู้เสียหาย และยัง ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้หลังเกิดเหตุ 1 ปีเศษ แสดงว่าจำเลยหลบหนีเป็นพิรุธ การนำสืบอ้างฐานที่อยู่ ลอย ๆ ของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอไม่อาจ หักล้างพยานโจทก์ได้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มิใช่บทมาตราที่บัญญัติว่า การกระทำอย่างใดเป็นความผิดทางอาญา หากแต่เป็นบทมาตรา ที่ใช้แก่ความผิดทั่ว ๆ ไป กรณีที่การกระทำร่วมกัน ของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเกิดขึ้น ศาลจะต้องวางโทษ แก่บุคคลเหล่านั้นอย่างไร ดังนั้น แม้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ หาใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรและการปล้นทรัพย์: ตัวการร่วมและบทลงโทษกรรมเดียว
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับพวกรวม 6 คน ร่วมกันวางแผนไปกระทำการปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 2 อันเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2แห่ง ป.อ.จึงมีความผิดฐานเป็นซ่องโจร และเมื่อจำเลยที่ 4 กับพวกไปปล้นร้านทองของผู้เสียหายที่ 2 ตามแผนที่ร่วมกันวางไว้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ผู้ร่วมวางแผนย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นร้านทองร่วมกับจำเลยที่ 4 กับพวกด้วย ตาม ป.อ.มาตรา 213 และความผิดฐานเป็นซ่องโจรกับความผิดฐานปล้นทรัพย์เกี่ยวเนื่องกันเพราะพวกจำเลยกระทำผิดฐานเป็นซ่องโจรเพื่อจะไปปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานปล้นทรัพย์อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสี่ฐานเป็นซ่องโจรด้วย จึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยทั้งสามจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงต้องวินิจฉัยให้มีผลถึงจำเลยที่ 4 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำละเมิดสิทธิบัตร: ความรับผิดของตัวการร่วม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์โดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายและฐานร่วมกันขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรพ.ศ.2522 มาตรา 85 และ 86 คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดตาม ป.อ.มาตรา 83 ด้วยกัน โจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ว่าจำเลยทั้งสองได้ผลิตเครื่องผลิตก๊าซจากแกลบสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงตามกรรมวิธีการประดิษฐ์ของโจทก์ซึ่งตรงกับข้อถือสิทธิตามสิทธิบัตรของโจทก์ ซึ่งเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว การพิพากษาคดีนี้จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดอันเป็นการกระทำละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ต่อโจทก์ด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งจากการละเมิดสิทธิบัตร: ตัวการร่วมกระทำความผิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์โดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายและฐานร่วมกันขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยรู้อู่แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ. 2522 มาตรา 85 และ 86 คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ด้วยกัน โจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ว่าจำเลยทั้งสองได้ผลิตเครื่องผลิตก๊าซจากแกลบสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงตามกรรมวิธีการประดิษฐ์ของโจทก์ซึ่งตรงกับข้อถือสิทธิตามสิทธิบัตรของโจทก์ ซึ่งเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว การพิพากษาคดีนี้จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1กระทำความผิดอันเป็นการกระทำละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ต่อโจทก์ด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำความผิดจำหน่ายยาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยาเสพติดเอง
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัทเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับ และร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการ เจรจาราคาจากเม็ดละ 20 บาท เป็นเม็ดละ 25 บาท เมื่อสายลับ ตกลงซื้อจำเลยที่ 1 ก็รับเงิน 1,000 บาท จากสายลับแล้วมอบ ให้แก่จำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นผู้ครอบครอง เมทแอมเฟตามีน ที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีน ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เป็นเพียงแนะนำให้สายลับ ทราบว่ามีขายเท่านั้น จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำ ความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1 จึงมี ความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดดังกล่าวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำผิดค้ายาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยา
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัท ส.ด้วยกัน ในวันเวลาเมื่อจำเลยที่ 1 ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับและร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการเจรจาเรียกราคาเมทแอมเฟตามีนเมื่อสายลับตกลงซื้อ จำเลยที่ 1 ก็รับเงินจากสายลับแล้วมอบให้แก่จำเลยที่ 2 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแม้จำเลยที่ 1จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 และได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7373/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ในเคหสถานของผู้กระทำเอง ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335(8) ตัวการร่วมจึงไม่มีความผิด
นาง ส. เพียงคนเดียวเข้าไปลักโฉนดที่ดินในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนาง ส. ด้วย ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (8) ดังนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับนาง ส.จึงไม่มีความผิดตามมาตราดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7373/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมลักทรัพย์: การพิจารณาความผิดของตัวการร่วมเมื่อตัวการคนหนึ่งไม่มีความผิดตามบทบัญญัติเฉพาะ
จำเลยที่1ได้สมคบกับส. ภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสของผู้เสียหายโดยส. เป็นคนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายลักเอาโฉนดที่ดินของผู้เสียหายมาให้จำเลยที่1กับพวกนำไปกู้ยืมเงินจากผู้มีชื่อจำเลยที่1กับส. จึงเป็นตัวการร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(7)แต่ส.เข้าไปลักโฉนดที่ดินของผู้เสียหายจากในบ้านเพียงคนเดียวซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของส. ด้วยการกระทำของส. จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา335(8)เมื่อการกระทำของส. ซึ่งเป็นตัวการคนหนึ่งไม่เป็นความผิดดังนั้นจำเลยที่1ซึ่งเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับส. จึงไม่มีความผิดตามมาตรา335(8)ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5433/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วม vs ผู้สนับสนุน: การช่วยเหลือหลบหนีหลังก่อเหตุ ไม่ถึงขั้นร่วมวางแผนฆ่า
คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้ววิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยจอดรออยู่หลบหนีไปด้วยกัน โจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้เห็นว่า จำเลยได้ร่วมสมคบกับคนร้ายวางแผนและตระเตรียมมาฆ่าผู้ตาย จุดที่จำเลยจอดรถจักรยานยนต์อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุ เป็นไปไม่ได้ที่จำเลยจะคอยดูต้นทางให้คนร้าย ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร่วมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดอันพึงถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กัน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิด การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายหลบหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5430/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำผิด: ร่วมกันออกติดตามและทำร้ายผู้ตาย
อ และจำเลยต่างออกตามหาผู้ตายและ อ. กับจำเลยออกมาพร้อมกันโดยต่างมีอาวุธ เมื่อมาพบผู้ตายระหว่างทาง อ. เป็นผู้เข้าทำร้ายผู้ตายแล้วจำเลยกับ อ. หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับ อ.
of 27