พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2406-2408/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดของเจ้าพนักงานตำรวจที่ข่มขืนใจกรรโชกทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
เจ้าพนักงานตำรวจได้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้มอบเงินแก่ตน 500 บาทโดยกล่าวหาว่าเล่นการพนัน เมื่อผู้เสียหายขอให้เพียง 100 บาทก็ไม่พอใจ ทำร้ายผู้เสียหายและแกล้งจับโดยไม่มีอำนาจนำไปส่งสถานีตำรวจเช่นนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 337 วรรค 2, 309 วรรค 2 และ 295 โดยสำหรับความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 และความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา 337 นั้น ผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นแล้ว แม้จะยอมไม่เต็มตามที่ถูกเรียกร้องก็เป็นความผิดสำเร็จ ส่วนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 148 เพียงแต่ผู้กระทำผิดมีเจตนาจะให้เขาส่งมอบทรัพย์สินให้ ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะไม่ยอมตามนั้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ: กรณีอาจสงสัยว่าจะหลบหนี และการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
จำเลยจับโจทก์ในข้อหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น แม้ว่าการจับครั้งนี้จะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า แต่ก็เป็นกรณีอาจออกหมายจับได้โดยมีเหตุอันสมควรสงสัยว่าโจทก์จะหลบหนี และจำเลยรักษาการแทนผู้บังคับกองเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปจับโจทก์ด้วยตนเอง แม้ไม่มีหมายจับก็ย่อมทำได้โดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 วรรคสุดท้าย เมื่อจำเลยมีอำนาจจับโจทก์ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนของเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุมผู้ต้องสงสัยเกินสมควรแก่เหตุ และเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานวัด ได้เข้าไปจับกุม น. เพราะมีคนมาแจ้งว่ามีอาวุธปืนและกำลังจะก่อเหตุร้ายในวงรำวง น. สลัดหลุดจนจำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้นได้ก็ใช้ปืนยิงไปทาง น. ซึ่งกำลังวิ่งหนี โดย น.มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน กระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูก ส.ซึ่งอยู่ใกล้วงรำวงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้วิธีที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับหรือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า ส. โดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนับได้ว่าเป็นการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย โดยจำเลยมิได้มีสาเหตุส่วนตัวกับ น. หรือผู้ตาย ความผิดของจำเลยเห็นได้ว่าเกิดจากการใช้วิธีการที่เกินสมควรแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุม น. ด้วยการตัดสินใจผิดในขณะที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เข้าลักษณะในเหตุอื่นอันเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงสมควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมและความผิดฐานหมิ่นประมาทจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ
มาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477มีจุดมุ่งหมายเป็นเรื่องให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้ในคำสั่งเท่านั้น มิได้บัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้จะจับผู้กระทำผิดนั้นไม่ได้
การกล่าวถ้อยคำว่า "ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มาเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควรจะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น
การกล่าวถ้อยคำว่า "ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มาเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควรจะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแอบอ้างเป็นตำรวจข่มขู่เรียกเงิน ไม่เข้าข่ายกรรโชกเนื่องจากไม่มีการข่มขืนใจด้วยกำลังหรือขู่เข็ญ
จำเลยที่ 1 ใช้อุบายอ้างตนเป็นตำรวจร่วมกับจำเลยที่ 2ซึ่งแสดงตนว่าเป็นตำรวจ โดยจำเลยที่ 1 แกล้งจับ ป. ใส่กุญแจมือและจะจับผู้เสียหายหาว่าค้าฝิ่นเถื่อน แต่เมื่อผู้เสียหายถอยหลังออกไปไม่ยอมให้จับข้อมือ จำเลยที่ 1 ก็พูดว่า 'เอาอย่างนี้ก็แล้วกันลุง ลุงเอาเงินให้ฉันพันหนึ่ง แล้วลุงขายฝิ่นต่อไปก็แล้วกัน' โดยจำเลยที่ 1 หรือที่ 2 มิได้ข่มขืนใจด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญจะทำอันตรายต่อชีวิต เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้เสียหาย หรือของบุคคลที่สาม อย่างไรต่อไปผู้เสียหายเรียกบุตรชายซึ่งเดินมาจะเข้าบ้าน จำเลยทั้งสองและป.ก็เดินออกไป เช่นนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นความผิดฐานกรรโชก จึงไม่เป็นพยายามกรรโชก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดดูหมิ่นขัดขวางการปฏิบัติงานตำรวจ และการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
ส. ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้รถยนต์ที่จำเลยกับพวกนั่งมาหยุดเพื่อตรวจค้น จำเลยพูดว่า 'ผู้กองอย่างมึงจะเอาอะไรกับกู นี่หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์' เป็นคำกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136 เมื่อ ส. ผู้บังคับกองจะจับกุมจำเลยผลักโดยแรงจน ส. ผู้บังคับกองล้มลงแล้วกอดปล้ำไม่ยอมให้จับอีกจึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขู่ยิงตำรวจไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า หากเจตนาเพียงขัดขวางการจับกุม
ตำรวจในเครื่องแบบขอตรวจค้นจำเลย จำเลยยิงมาทางตำรวจ1 นัด โดยไม่มีเจตนายิงตำรวจ แต่เป็นการขู่ไม่ให้ตำรวจจับจำเลย ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน หากเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: กรณีตำรวจยิงเพื่อป้องกันตัวจากกลุ่มผู้ทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายกับพวกซึ่งมีจำนวนมากคน ได้รายล้อมเข้าไปโดยอาการที่เห็นได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยยิงปืนขึ้น สองนัดนัดแรกเป็นการยิงขู่ แต่ผู้ตายกับพวกก็มิได้หยุดยั้ง คงรายล้อมเข้าไปในลักษณะอาการที่จะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก จำเลยใช้ปืนยิงไปนัดที่สองถูกนายเล็กและผู้ตาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยสำคัญผิดคิดว่าเป็นโจรปล้นบ้าน ยิงตำรวจบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหมายค้นและหมายจับไปจับกุมจำเลยที่บ้านในเวลาวิกาล (ประมาณ 24 นาฬิกา) ได้ปีนบ้านและรื้อฝาบ้านจำเลยเข้าไป จำเลยสำคัญผิดคิดว่าโจรเข้าปล้นบ้านจึงใช้ปืนยิงตำรวจบาดเจ็บพฤติการณ์ของจำเลยจึงมีลักษณะเป็นการป้องกันสิทธิของตนและของผู้อื่น และป้องกันทรัพย์ของจำเลยให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจหน้าที่เจ้าพนักงาน: การกระทำผิดร่วมกันระหว่างตำรวจและผู้คุมเรือนจำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจทุ่งวังอำเภอเมืองสงขลา จำเลยที่ 2 เป็นผู้คุมเรือนจำประจำเรือนจำเขตสงขลาได้ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้ผู้อื่นมอบเงินให้อันเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148,157, 337 และ 83 นั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น เพราะแม้จำเลยที่ 2 เป็นพลตำรวจแต่โจทก์ก็มิได้ระบุในฟ้องว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดโดยทั่ว ๆ ไป