พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่เจตนาจากเหตุทะเลาะวิวาทขณะเมาสุรา
ขณะเกิดเหตุต่างเมาสุรากันทุกฝ่าย จำเลยคนหนึ่งตีผู้ตายทีหนึ่งแล้ว ต่อมาจำเลยอีกคนหนึ่งจึงได้ขึ้นเรือนมาไม้ตีผู้ตายอีก ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้วินิจฉัยว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ใหญ่บ้านละเลยหน้าที่ห้ามปรามการทะเลาะวิวาทจนถึงแก่ความตาย ไม่ผิดตามกฎหมายอาญา
มีผู้ทะเลาะวิวาทกันจนถึงตาย โดยจำเลยซึ่เงป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในที่นั้นด้วยแต่ยืนดูเฉยเสียไม่ห้ามปรามหรือจับกุมร้องเรียน จำเลยยังไม่มีผิดตามกฎหมายอาญาม.142, 154
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกลับไปเอามีดหลังเลิกทะเลาะวิวาท ไม่เข้าเหตุลดโทษตามมาตรา 55
จำเลยทะเลาะกับผู้ตายและเลิกกันไปแล้ว จำเลยกลับไปเอามีดมาจากบ้านแล้วมาท้าผู้ตายอีก ผู้ตายออกมา จำเลยก็เอามีดแทงดังนี้ ไม่มีเหตุจะลดโทษจำเลยตามมาตรา 55 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-383/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลตัดสินความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ทะเลาะวิวาทกันฝ่ายหนึ่งใช้มีดแทงเขาตายมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยโกรธจากการทะเลาะวิวาท ศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่ยังไม่มีเหตุลงโทษฐานยั่วโทสะ
ฆ่าคนยั่วโทษะเกิดทะเลาะกันแล้วเลยฆ่ากันตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทะเลาะวิวาทจนถึงแก่ความตาย: ฆ่าโดยไม่เจตนา
ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4079/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำละเมิดจากเหตุทะเลาะวิวาท ศาลต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงในคดีอาญาประกอบ
มูลคดีนี้ มีข้อเท็จจริงเดียวกับมูลคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรีฟ้องจำเลยนี้ในคดีอาญาข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่า จำเลยกับผู้ตายต่างสมัครใจทะเลาะวิวาทกัน คดีนี้ศาลจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏในคดีส่วนอาญาว่า ขณะผู้ตายวิ่งขึ้นจากสระน้ำมาทะเลาะวิวาทกับจำเลย ผู้ตายมีอาวุธปืนด้วย เช่นนี้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเกินเลยไปจากที่ผู้ตายสมัครใจทะเลาะวิวาทกับจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อผู้ตายและโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาท จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14232/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาในคดีทะเลาะวิวาทที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แม้ไม่สามารถระบุตัวผู้ลงมือได้โดยชัดเจน
กรณีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 294 และ 299 นั้น ต้องเป็นการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และมีบุคคลถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสโดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครกระทำจนถึงแก่ความตายหรือจนได้รับอันตรายสาหัส แต่หากสามารถรู้และแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้ ทั้งรู้ว่าผู้ใดหรือฝ่ายใดเป็นผู้ลงมือทำร้ายย่อมลงโทษผู้นั้นกับพวกได้ตามเจตนาและผลของการกระทำ จำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่งและผู้ตายกับผู้เสียหายฝ่ายหนึ่งวิวาทต่อสู้กัน แม้พยานโจทก์ที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าคนใดในกลุ่มของจำเลยเข้าไปใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและฟันผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสก็ตาม ย่อมมิใช่กรณีตาม ป.อ. มาตรา 294 และ 299 พวกของจำเลยที่เข้าร่วมในการทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและผู้เสียหายได้ใช้มีดแทงผู้ตายและฟันผู้เสียหาย จำเลยซึ่งมีเจตนาร่วมกับพวกกระทำต่อผู้ตายและผู้เสียหายย่อมต้องรับผลอันเป็นธรรมดาย่อมเกิดขึ้นจากการนั้นในฐานะเป็นตัวการ แม้มิได้เป็นผู้ลงมือแทงผู้ตายและฟันผู้เสียหายด้วยตนเองก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12877-12878/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากทะเลาะวิวาทระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ศาลพิจารณาความร้ายแรงของเหตุการณ์ประกอบปัจจัยอื่น
ลูกจ้างเดินทางไปร่วมกิจกรรมการเที่ยวประจำปีที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจัดขึ้น จำเลยออกประกาศ "ห้ามลูกจ้างพูดจาที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือก่อการทะเลาะวิวาทระหว่างการเดินทาง โรงแรมที่พัก รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะลงโทษโดยเลิกจ้างและไม่จ่ายค่าชดเชย" อันเป็นคำสั่งกำหนดการปฏิบัติตัวของลูกจ้างที่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อป้องกันมิให้ลูกจ้างก่อความเสียหายหรือความเสื่อมเสียแก่จำเลย ถือว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการกระทำของลูกจ้างจะเป็นความผิดกรณีร้ายแรงหรือไม่ จะต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกันหลายประการ อาทิ ตำแหน่งหน้าที่การงานของลูกจ้าง ลักษณะและพฤติการณ์การกระทำความผิดของลูกจ้าง ตลอดจนผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิดว่ามีมากน้อยเพียงใด เมื่อเกิดเหตุขึ้นบนรถบัสระหว่างเดินทางไปทำกิจกรรมการเที่ยวประจำปี ซึ่งแม้จะมีพนักงานของบริษัทที่รับจ้างจัดกิจกรรมการเที่ยวอยู่ด้วย แต่การที่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นพนักงานระดับทั่วไปทะเลาะวิวาทกันซึ่งแม้การชกต่อยพลาดไปถูกเพื่อนพนักงานคนอื่น แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายรุนแรง และโจทก์ทั้งสองหยุดทะเลาะวิวาทเมื่อถูกห้ามปราม กรณียังถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์ทั้งสองเป็นความผิดร้ายแรงที่นายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่จำต้องตักเตือนตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6690-6692/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานกระทำผิดร้ายแรง: การทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานนอกสถานที่ทำงาน แต่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในที่ทำงาน
แม้ จ. จะได้รับบาดเจ็บที่บริเวณดวงตาข้างซ้ายและลำตัวมีรอยฟกช้ำโดยสามารถไปทำงานได้ในวันรุ่งขึ้นและเหตุทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นหลังเวลาเลิกงานและนอกสถานที่ทำงานก็ตาม แต่สาเหตุที่โจทก์ทั้งสามกับ ภ. ร่วมกันทำร้าย จ. ก็เนื่องจากไม่พอใจ จ. เกี่ยวกับการทำงานและในที่ทำงาน หลังเลิกงานโจทก์ทั้งสามกับ ภ. ไปดักทำร้าย จ. ขณะลงจากรถรับส่งพนักงานของจำเลย อันมีลักษณะร่วมกันรุมทำร้าย จ. ฝ่ายเดียวและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันจากภายในที่ทำการของจำเลย ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ทั้งขณะเกิดเหตุโจทก์ทั้งสาม ภ. และ จ. ยังคงสวมเครื่องแบบพนักงานของจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสามร่วมกันทำร้ายร่างกาย จ. อย่างอุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย เป็นการกระทำต่อเพื่อนพนักงานด้วยกันในเรื่องที่มีสาเหตุจากการทำงานต่อหน้าเพื่อนพนักงานที่มากับรถรับส่งพนักงานของจำเลย อันเป็นการทำให้เสียภาพพจน์และทำให้ยุ่งยากในการปกครองบังคับบัญชาพนักงานในองค์กรของจำเลย การกระทำของโจทก์ทั้งสามจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีที่ร้ายแรง