คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่สุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6516/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง
คำร้องของจำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดไว้ 4,346,000 บาท และขายทอดตลาดได้เงิน 5,450,000 บาท ต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สุจริต และไม่เป็นธรรมต่อจำเลย แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นการขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ก็ตาม แต่เนื้อหาตามคำร้องของจำเลยเป็นการโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินไปในราคาต่ำเกินสมควร และการขายทอดตลาดทรัพย์สินในราคาต่ำเกินสมควรนั้นเกิดจากความไม่สุจริตของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ บัญญัติว่า คำสั่งของศาลตามวรรคสองให้เป็นที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลเรื่องรวมหรือแยกขายทอดตลาดเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง ศาลไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง แล้วขายแยกทีละแปลงเพื่อให้ขายทรัพย์สินได้ในราคาที่สูงขึ้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจแยกการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอได้ เนื่องจากที่ดินทั้งสามแปลงเป็นส่วนประกอบของสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการโรงแรม การแยกขายที่ดินไม่มีประโยชน์แก่การบังคับคดีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11223/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่รับอุทธรณ์และการขยายเวลาอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ถือเป็นที่สุดเมื่อไม่ได้ฎีกา
จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์เป็น 2 ฉบับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นฉบับเดียวกัน ต่อมาจำเลยทั้งห้านำอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งฉบับใหม่มายื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ หากจำเลยทั้งห้าไม่เห็นพ้องด้วยและประสงค์จะให้มีการรับอุทธรณ์ไว้พิจารณา ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แต่จำเลยทั้งห้าก็มิได้กระทำ กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านั้น ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่ยุติว่าไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลาได้และเห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งห้า จำเลยทั้งห้าก็มิได้ฎีกาโต้แย้ง จึงมีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง และมาตรา 234 ดังนี้ ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งห้าที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่และมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าว่าไม่ชอบอย่างไร ก็ไม่อาจมีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าซึ่งถึงที่สุดไปแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งห้าจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8020/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เป็นที่สุด ห้ามฎีกา
เมื่อศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์เป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลนั้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องนั้น แล้วมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งนี้ให้เป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 ทวิ ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตามบทบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9388/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลไม่รับอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด ห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งข้างต้น เท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงเป็นที่สุดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ต้องห้ามมิให้ฎีกาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยต่อมาจึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (2) เป็นที่สุด ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาด
โจทก์นำขึดข้าวเปลือกโดยอ้างว่าเป็นของจำเลย และยื่นคำร้องขอให้นำออกขายทอดตลาดเนื่องจากเก็บไว้นานอาจเกิดความเสียหายได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจำหน่ายทรัพย์ที่ยึดและนำเงินเก็บรักษาไว้ เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (2) ซึ่งตามมาตรา 288 วรรคสาม บัญญัติให้คำสั่งศาลเป็นที่สุด การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดข้าวเปลือก เท่ากับเป็นการขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตตามมาตรา 288 วรรคสอง (2) ซึ่งเป็นที่สุดแล้ว มิใช่คำร้องขอให้งดการบังคับคดีหรือคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณา ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องได้ แม้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้และศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่เป็นเหตุให้ผู้ร้องฎีกาต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3301/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 จัตวา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ที่เสนอต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 จัตวาต้องอยู่ใต้บังคับของมาตรา 199 เบญจ วรรคสี่ ที่บัญญัติว่า "คำสั่งศาลที่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ให้เป็นที่สุด แต่ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด" จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาต่อมาได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลยกคำร้องงดบังคับคดีเป็นที่สุด แม้ยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง
ป.วิ.พ. มาตรา 293 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า "คำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด" นั้น มิได้หมายความเฉพาะคำสั่งที่เกิดจากการวินิจฉัยขอเท็จจริงในคำร้องขอให้งดการบังคับคดีเท่านั้น แต่รวมถึงคำสั่งที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องเดียวกันมิใช่เรื่องอื่นนั้น จึงเป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลยกคำร้องงดบังคับคดี ถือเป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ที่เป็นที่สุดแล้ว ไม่อุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ที่เป็นที่สุด มิได้หมายความเฉพาะคำสั่งที่เกิดจากการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวอ้างในคำร้องขอให้งดการบังคับคดีเท่านั้น แต่รวมถึงคำสั่งที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยเห็นว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นกรณีเดียวกันหาใช่ฟ้องเรื่องอื่นตามมาตรา 293 นั้น ถือได้ว่าเป็นการสั่งตามมาตรา 293 จึงเป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลเกี่ยวกับคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ เป็นที่สุด
ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ บัญญัติว่า คำสั่งศาลตามวรรคสองให้เป็นที่สุด คำว่า "คำสั่งศาลตามวรรคสอง" ดังกล่าวมิได้หมายความว่าเป็นคำสั่งอนุญาตให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงหากมีกรณียื่นคำร้องตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แล้ว คำสั่งใด ๆ ของศาลที่เกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวก็อยู่ในความหมายของคำว่า "คำสั่งศาลตามวรรคสอง" ทั้งสิ้น เมื่อคำร้องของจำเลยอ้างว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบเนื่องจากราคาต่ำไป และการขายทอดตลาดเกิดจากความไม่สุจริตของเจ้าพนักงานบังคับคดีเช่นนี้ จึงเป็นคำร้องตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้ว ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่
of 6