พบผลลัพธ์ทั้งหมด 103 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมทรัพย์สิน: สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสร่วมกันทำธุรกิจ ทรัพย์สินที่ได้มาถือเป็นของร่วมกัน เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันประกอบธุรกิจ และใช้เงินซึ่งทำมาหาได้ด้วยกันซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลาย: ศาลพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และสถานะทางธุรกิจของลูกหนี้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยเป็นลูกค้ากู้เบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524โจทก์ยอมให้จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีบางครั้งเป็นจำนวนถึง16,700,000 บาท แสดงว่าโจทก์เชื่อว่าจำเลยมีความสามารถในการประกอบธุรกิจหากำไรมาใช้หนี้โจทก์ได้ ทั้งบางครั้งจำเลยสามารถนำเงินเข้ามาหักบัญชีได้เป็นจำนวนถึง 4,900,000 บาท จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2528 จำเลยนำเงินเข้าหักบัญชีเป็นจำนวนถึง 4,453,159.05 บาท คงเหลือเงินที่เป็นหนี้ถึงวันฟ้องเพียง 761,028.32 บาท ซึ่งจำเลยเคยเป็นหนี้มีจำนวนมากกว่าจำนวนที่โจทก์ฟ้องหลายเท่า จำเลยยังสามารถชำระหนี้ได้และไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นอีก ทั้งจำเลยก็ยังประกอบธุรกิจการค้าเหมือนเดิม แม้โจทก์จะได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8(9) ก็เป็นแต่เพียงเหตุหนึ่งที่กฎหมายให้อำนาจโจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้เท่านั้น ส่วนการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของโจทก์นั้นศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีนี้จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศและการประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไรและหน้าที่เสียภาษี
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อ ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ราคา 22,320 บาท ต่อ มาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลงและให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนน สร้างตึกแถวติดตั้ง ไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส. ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดย โจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะ ที่ดินห้าง ส. ทำสัญญาขายเฉพาะ ตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ5,000 บาท ได้ เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้ กำไรถึง ประมาณ1,000 เท่า เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้อง เสียภาษีการค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การติดต่อจัดหางานต่างประเทศ ไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจจัดหางาน หากไม่ได้เป็นผู้ส่งคนงานโดยตรง สัญญากู้ยืมจึงไม่เป็นโมฆะ
โจทก์เป็นผู้ติดต่อกับบริษัทที่จัดส่งคนงานไปทำงานในต่างประเทศให้บริษัทดังกล่าวจัดการให้จำเลยได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศการส่งคนไปทำงานต่างประเทศเป็นเรื่องของบริษัท โจทก์ไม่ได้เป็นผู้จัดส่งเป็นเพียงการบริการให้ความสะดวกแก่จำเลยเท่านั้น แม้โจทก์จะเรียกและรับค่าบริการจากจำเลยก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนหางาน หรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างอันเป็นการจัดหางานตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2511 มาตรา 4 จำเลยตกลงให้โจทก์ติดต่อกับบริษัทจัดหางานส่งจำเลยไปทำงานต่างประเทศได้ โดยโจทก์คิดค่าบริการ 35,000 บาท จำเลยไม่มีเงินโจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ไว้ เมื่อการกระทำของโจทก์ไม่เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 แล้ว สัญญากู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์ย่อมนำสัญญากู้ยืมมาฟ้องให้จำเลยชำระเงินที่ยังค้างอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนทางธุรกิจและการรับผิดในหนี้จากการสั่งซื้อสินค้า แม้มีการเช่าดำเนินงาน
ชื่อโอเชี่ยนวิวเป็นชื่อในทางการค้าของบริษัทจำเลย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โรงแรมโอเชี่ยนวิว จำเลยให้ผู้อื่นเช่าโรงแรมโอเชี่ยนวิว และบังคับให้ผู้เช่าใช้ชื่อเดิม จนเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าโรงแรมโอเชี่ยนวิวเป็นกิจการของจำเลย ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่บริษัทจำเลยแสดงออกแก่โจทก์และบุคคลทั่วไปว่าการดำเนินกิจการโรงแรมเป็นกิจการของบริษัทจำเลยเอง จึงเป็นการเชิดผู้เช่าเป็นตัวแทนของบริษัทจำเลย ดังนั้น เมื่อผู้เช่าโรงแรมโอเชี่ยนวิวสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และไม่ชำระราคาบริษัทจำเลยจะยกเหตุแห่งการเช่าระหว่างกันเองมาเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตหาได้ไม่ หนังสือขอผัดผ่อนการชำระหนี้มีข้อความยอมรับว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ ซึ่งมีหนี้จำนวนเดียวเท่านั้น ลงชื่อโดยผู้แทนโรงแรมโอเชี่ยนวิว ซึ่งดำเนินกิจการโดยผู้เช่าโรงแรมที่บริษัทจำเลยเชิดขึ้นเป็นตัวแทน หนังสือดังกล่าวจึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 จำเลยจึงต้องผูกพันตามหนังสือดังกล่าวต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการทางวิชาการของคนต่างด้าว: ประกาศ คณะปฏิวัติ 281 ใช้บังคับเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยสัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับดังกล่าวและใช้บังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการทางวิชาการของคนต่างด้าว: ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ใช้บังคับเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยสัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับดังกลา่าวและใช้บังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ชื่อทางการค้าที่คล้ายคลึงกันจนเกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจโรงแรม
บริษัทจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์แต่ชื่อของบริษัทจำเลยที่ 1 มีคำว่า "ฮิลตัน""โฮเต็ล" และ"บางกอก" พ้องกับชื่อโรงแรมฮิลตันที่โจทก์ใช้ในการดำเนินกิจการโรงแรมทั่วโลกจนมีชื่อเสียงมานาน ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดได้ว่าจำเลยที่ 1 คือโจทก์และกิจการของจำเลยที่ 1 คือกิจการของโจทก์จำเลยจึงนำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์มาใช้โดยไม่สุจริต ย่อมทำให้โจทก์เสียหายเพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน การที่มีบริษัทอื่นอีกมากมายนำชื่อฮิลตันของโจทก์ไปตั้งเป็นชื่อกิจการของตน หาได้ทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิดีขึ้นไม่และหากไม่ห้ามจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 อาจเปลี่ยนชื่อโรงแรมจำเลยมาใช้ชื่อฮิลตันของโจทก์อีกเมื่อใดก็ได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้ชื่อ ฮิลตัน เป็นชื่อของบริษัทหรือโรงแรมของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการสหกรณ์ไม่เป็นผู้มีอาชีพ/ธุรกิจที่น่าไว้วางใจตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้จัดการสหกรณ์มิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354.