คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นอกประเด็น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ประเด็นใหม่นอกเหนือจากที่ยกขึ้นในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างวินิจฉัยก็เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองสบคบกันโอนที่พิพาทให้เป็นชื่อจำเลยที่ 2 โดยรู้ว่าเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์ทราบการโอนจากประกาศของทางราชการแล้วไม่คัดค้าน ดังนี้จำเลยไม่ได้ตั้งประเด็นว่า จำเลยที่ 2 กับโจทก์ร่วมกันซื้อที่พิพาทจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรกัน โดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 2 การที่จำเลยฎีกาว่าตามทางพิจารณาฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรแบ่งกันโดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 ทั้งการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่กันโจทก์ทราบดีและยินยอมให้กระทำไป ถือว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะขอให้เพิกถอนไม่ได้ ดังนี้ ประเด็นที่จำเลยทั้งสองฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์นอกประเด็นคดี และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยบุกรุกทำรั้วล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ที่ 1 มีราคาเพียง 1,000 บาทเท่านั้น แต่เมื่อทำแผนที่กลางจำเลยนำชี้นอกเหนือออกไปจากที่พิพาทคำฟ้องเดิมคิดเป็นราคา 4,000 บาท และระบุไว้ในแผนที่กลางว่าที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมกับที่จำเลยชี้นอกเหนือออกไปนั้น เป็นที่พิพาทในคดีทั้งหมด ดังนี้ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง เพราะเป็นการนอกประเด็นในคำฟ้องและข้อต่อสู้ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอแก้คำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์จาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาท และขอเสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม จึงเป็นการตั้งทุนทรัพย์ขึ้นใหม่ อันเป็นทุนทรัพย์นอกที่พิพาทและนอกคำฟ้อง ไม่ใช่เป็นการขอเพิ่มราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1) การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์ต้องไม่เป็นการตั้งทุนทรัพย์ใหม่นอกประเด็นฟ้องเดิม
ที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยบุกรุกทำรั้วล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ที่ 1 มีราคาเพียง 1,000บาทเท่านั้น แต่เมื่อทำแผนที่กลางจำเลยนำชี้นอกเหนือออกไปจากที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมคิดเป็นราคา 4,000 บาท และระบุไว้ในแผนที่กลางว่าที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมกับที่จำเลยชี้นอกเหนือออกไปนั้น เป็นที่พิพาทในคดีทั้งหมด ดังนี้ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง เพราะเป็นการนอกประเด็นในคำฟ้องและข้อต่อสู้ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอแก้คำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์จาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาท และขอเสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม จึงเป็นการตั้งทุนทรัพย์ขึ้นใหม่ อันเป็นทุนทรัพย์นอกที่พิพาทและนอกคำฟ้อง ไม่ใช่เป็นการขอเพิ่มราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1) การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อกฎหมายความสงบเรียบร้อยต้องได้จากกระบวนพิจารณาชอบ ศาลมิอาจวินิจฉัยจากพยานนอกประเด็น
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็น ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ หรือมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามบทมาตราดังกล่าวมิได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1211/2492)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของโจทก์มาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยละเมิด ดังนี้ข้อเท็จจริงที่ว่า ในการยึดที่ดินนั้น เจ้าพนักงานที่ดินมิได้นำเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) หนังสือสำคัญสำหรับที่ดินมาด้วย ถึงหากจะเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 อันเป็นบทกฎหมายที่ว่าด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ไม่เกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายใดจะต้องนำสืบ เพราะไม่มีใครกล่าวอ้าง ย่อมเป็นข้อเท็จจริงนอกเรื่องนอกประเด็น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) หาได้ไม่
โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินที่ถูกยึดภายหลังที่ได้มีการยึดไว้โดยชอบแล้ว หาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ ผู้ซื้อที่ดินที่ถูกยึดโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ไม่จำต้องคืนที่ดินให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การของผู้ค้ำประกัน สัญญาประนีประนอม และประเด็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นต่อสู้ การวินิจฉัยนอกประเด็น
คำให้การของจำเลยมิได้กล่าวโดยชัดแจ้งว่าสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์กับลูกหนี้ในคดีเรื่องก่อน ทำให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับสิ้นไป อันทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 698. คำให้การจำเลยกล่าวแต่เพียงว่าสัญญาประนีประนอมยอมผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่ ส. ลูกหนี้.ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 700 เท่านั้น. ยิ่งกว่านั้น ในการชี้สองสถาน จำเลยยังแถลงรับว่า ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดก็เพราะโจทก์ยอมผ่อนเวลาให้ ส. โดยจำเลยมิได้ยินยอม. การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยอีกทั้งที่โจทก์ได้ฟ้อง ส. และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว ย่อมเป็นฟ้องซ้ำ. ดังนี้ คำแถลงรับของจำเลยประกอบคำให้การสู้คดี ทำให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า จำเลยมิได้ประสงค์จะยกประเด็นข้อกฎหมายว่าสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้หนี้เดิมระงับ. อันทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 698 ขึ้นสู้คดี. จำเลยจึงมิได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การเพียงแต่จำเลยสรุปไว้ท้ายคำให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดโดยหลักกฎหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698,850,851,852. ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 จึงไม่ทำให้เกิดประเด็นข้อนี้.
เมื่อถือว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้หนี้เดิมระงับ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 698 แล้ว. การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ จึงเป็นการนอกประเด็น. คู่ความจะยกประเด็นข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกาต่อมาไม่ได้. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อต่อสู้ในคดีใหม่ต้องอาศัยการให้การในคดีนั้น การนำข้ออ้างจากคดีเก่ามาใช้โดยไม่ให้การถือเป็นนอกประเด็น
จำเลยจะถือเอาข้ออ้างในคำร้องคัดค้านของคดีเดิมมาเป็นข้อต่อสู้ในคดีใหม่ไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การในคดีใหม่ว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่มีข้อต่อสู้ การที่จำเลยนำสืบตามข้ออ้างในคำร้องคัดค้านของคดีเดิมจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น รับฟังไม่ได้
ผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์และสามี โดยให้โจทก์และสามีไถ่จำนองให้ แล้วโจทก์กับสามีได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า10 ปีแล้วโจทก์และสามีย่อมได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานนอกประเด็นฟ้อง และสิทธิของจำเลยในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่า นาวาอากาศโทไสวสมคบกับบุคคลอื่นปลอมลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นว่าลายพิมพ์นิ้วมือในใบมอบอำนาจเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ปลอมหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า ลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้รับรองในขณะที่ลงลายพิมพ์นิ้วมือ จึงเป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
จำเลยต่อสู้ว่า ใบมอบอำนาจไม่ปลอม ลายพิมพ์นิ้วมือในใบมอบอำนาจเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ แล้วกลับให้การว่าถ้าลายพิมพ์นิ้วมือและข้อความในใบมอบอำนาจไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ โจทก์ก็สมคบกันปลอมขึ้น จำเลยมีสิทธิที่จะให้การเช่นนั้นและชอบที่จะนำสืบตามคำให้การได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือน (อสังหาริมทรัพย์) ต้องทำตามฟอร์มและจดทะเบียน หากเปลี่ยนข้ออ้างระหว่างดำเนินคดี ถือเป็นการนอกประเด็น
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ได้ซื้อเรือนที่โจทก์นำยึดโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแล้ว ขอให้ถอนการยึด แต่จะขอสืบพยานว่า ขัดข้องในการจดทะเบียน เพราะเจ้าของที่ดินไม่ยอม จึงได้จัดการที่จะรื้อถอนไป ซึ่งเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพียงแต่ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือก็ใช้ได้เช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบพยานผิดไปจากที่ตั้งประเด็นวิวาทไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานนอกประเด็นฟ้องแย้ง ศาลไม่วินิจฉัยเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการยกขึ้นเป็นประเด็น
ฟ้องแย้งบรรยายว่า โจทก์รับเงินไปจากจำเลยจำนวนหนึ่งคิดหักค่าจ้างขนไม้ออกแล้ว โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลยอีก ดังนี้ จำเลยจะนำสืบว่า ได้จ่ายค่าสิ่งของอื่น ๆ แทนโจทก์และขอหักกลบลบหนี้โดยมิได้บรรยายเป็นประเด็นมาในฟ้องแย้ง ย่อมเป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดตัดต้นไม้ในที่ดินสาธารณะ ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ฟ้องขอเท่านั้น การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยละเมิดเข้ามาตัดฟันต้นสาคูและใบจากในที่ดินของโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จะมีกรรมสิทธิไม่ได้ ดังนั้นศาลจะวินิจฉัยว่าต้นสาคูที่ปลูกอยู่ทางฝั่งใต้ของที่พิพาทเป็นของโจทก์และฝั่งเหนือเป็นของจำเลยแล้วพิพากษาห้ามจำเลยกับบริวารมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องทางฝั่งใต้ จึงเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์มิได้มีคำขอเช่นนั้น
of 8