พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีทางพิพาท: ข้ออ้างใหม่ที่ไม่ใช่ประเด็นเดิม
ปัญหาที่ว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยครอบครองต่อจากเจ้าของเดิมตลอดมานั้น แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้ก็เป็นข้อเท็จจริงในประเด็นข้ออ้างของโจทก์ที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นรายละเอียดของการใช้ทางพิพาทที่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ในชั้นพิจารณา มิใช่ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
โจทก์นำสืบว่าทางพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์ซื้อมาจาก ล. มิใช่โจทก์ใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินตามฟ้อง จึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้อง
โจทก์นำสืบว่าทางพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์ซื้อมาจาก ล. มิใช่โจทก์ใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินตามฟ้อง จึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางพิพาทและภารจำยอม: การนำสืบขยายผลเกินคำฟ้อง
ปัญหาที่ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยครอบครองต่อจากเจ้าของเดิมตลอดมานั้นแม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้ก็เป็นข้อเท็จจริงในประเด็นข้ออ้างของโจทก์ที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นรายละเอียดของการใช้ทางพิพาทที่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ในชั้นพิจารณามิใช่ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น โจทก์นำสืบว่าทางพิพาทตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์ซื้อมาจากล. มิใช่โจทก์ใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินตามฟ้องจึงเป็นการนำสืบนอกคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5350/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินวางมัดจำซื้อขายที่ดิน vs. เงินกู้: การนำสืบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้จำนวน277,000บาทตามเอกสารสัญญากู้ยืมเงินจำเลยให้การว่าโจทก์จะซื้อที่ดินจากจำเลยได้วางเงินมัดจำ277,000บาทแก่จำเลยเอกสารสัญญากู้ยืมเงินไม่ใช่หลักฐานการกู้เงินจำเลยจึงนำสืบข้อเท็จจริงตามคำให้การได้ว่าเงินตามที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าวเป็นเงินมัดจำที่โจทก์วางไว้แก่จำเลยเพราะเป็นการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดหรืออีกนัยหนึ่งหนี้ที่ระบุในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือคำให้การ และสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพของผู้เสียหาย
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ อ. ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายไว้ การที่จำเลยที่ 2 นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในเรื่องดังกล่าว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วย จำเลยที่ 2 กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วย โดยกล่าวลอย ๆ เพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพียงไร และจำเลยที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไร ดังนั้น การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว
โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วย จำเลยที่ 2 กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วย โดยกล่าวลอย ๆ เพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพียงไร และจำเลยที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไร ดังนั้น การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว
โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือคำให้การ และสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพจากผู้ละเมิด
จำเลยที่2ไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ อ. ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายไว้การที่จำเลยที่2นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคหนึ่งจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในเรื่องดังกล่าว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่1ประมาทเพียงฝ่ายเดียวจำเลยที่3ไม่ได้ประมาทด้วยจำเลยที่2กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียวแต่จำเลยที่3เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วยโดยกล่าวลอยๆเพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่2จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่1เพียงไรและจำเลยที่3มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไรดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่3ประมาทด้วยหรือไม่ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในข้อนี้จึงชอบแล้ว โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1649จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบมูลหนี้เดิมและการฟ้องเกินคำขอท้ายฟ้อง รวมถึงข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์แต่โจทก์นำสืบว่าเดิมภริยาของจำเลยกู้เงินโจทก์ไปต่อมาจำเลยยอมทำสัญญากู้พิพาทให้โจทก์เป็นการนำสืบถึงมูลหนี้เดิมซึ่งเป็นรายละเอียดโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องก็ได้การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ก็ไม่เป็นการเกินคำขอท้ายฟ้อง จำเลยฎีกาว่ามีการนำดอกเบี้ยผิดกฎหมายรวมในสัญญากู้เป็นปัญหาข้อกฎหมายแต่การวินิจฉัยต้องอาศัยข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างฟังเป็นยุติแล้วว่าโจทก์เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญากู้พิพาทเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่ฎีกาจึงมีผลเป็นอย่างเดียวกับการฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงต่างจากฟ้องไม่เกินคำขอท้ายฟ้อง หากเป็นรายละเอียดของมูลหนี้เดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน51,000บาทและรับเงินไปในวันทำสัญญาแล้วการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่1ไม่ได้รับเงินไปในวันทำสัญญาโดยเดิมภริยาของจำเลยที่1เคยกู้เงินยืมโจทก์ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่1ได้ทำความตกลงหนี้ส่วนที่ภริยาของจำเลยที่1กู้ยืมเงินโจทก์ปรากฏว่าภริยาของจำเลยที่1เป็นหนี้โจทก์ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน51,000บาทจำเลยที่1จึงทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้โดยจำเลยที่2เข้าทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวเป็นการนำสืบถึงมูลหนี้เดิมก่อนที่จะนำเอามูลหนี้นั้นมาทำเป็นสัญญากู้ซึ่งเป็นรายละเอียดโจทก์ไม่จำต้องบรรยายถึงมูลหนี้เดิมมาในฟ้องก็ได้การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการนำสืบแตกต่างกันหรือขัดแย้งกับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5034/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้มีผลสมบูรณ์เมื่อมีมูลหนี้จากการเล่นแชร์ การนำสืบถึงที่มาของหนี้ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
มูลหนี้ของสัญญาเงินกู้มาจากการเล่นแชร์อันเป็นมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายและบังคับกันได้และกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีการส่งมอบเงินให้แก่จำเลยอีกเพราะถือเสมียนหนึ่งว่าได้มีการส่งมอบเงินกู้ให้แก่จำเลยไปแล้วดังนั้นสัญญาเงินกู้จึงมีผลสมบูรณ์ที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าเล่นแชร์ที่โจทก์ในฐานะนายวงแชร์ได้ใช้เงินแทนให้จำเลยไปแล้วจำเลยจึงได้ทำสัญญาเงินกู้ให้ไว้แก่โจทก์นั้นเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งมูลหนี้ของหนี้เงินกู้ตามฟ้องซึ่งโจทก์ชอบที่จะนำสืบได้มิใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4034/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลหนี้จากเล่นแชร์เป็นเหตุให้เกิดสัญญาเงินกู้ที่สมบูรณ์ การนำสืบถึงที่มาของหนี้ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
มูลหนี้ของสัญญาเงินกู้มาจากการเล่นแชร์ อันเป็นมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายและบังคับกันได้ และกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีการส่งมอบเงินให้แก่จำเลยเพราะถือเสมือนหนึ่งว่าได้มีการส่งมอบเงินกู้ให้แก่จำเลยไปแล้ว ดังนั้นสัญญาเงินกู้ตามฟ้องตามจึงมีผลสมบูรณ์ ที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าเล่นแชร์ที่โจทก์ในฐานะนายวงแชร์ได้ใช้เงินแทนให้จำเลยไปแล้ว จำเลยจึงได้ทำสัญญาเงินกู้ตามเอกสารหมาย จ.1ให้ไว้แก่โจทก์นั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งมูลหนี้ของหนี้เงินกู้ตามฟ้อง ซึ่งโจทก์ชอบที่จะนำสืบได้ มิใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารและการนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจในการทำสัญญาเช่า
การที่จำเลยมิได้ระบุหนังสือมอบอำนาจเป็นพยานและส่งสำเนาให้โจทก์แต่ใช้เอกสารนั้นประกอบการถามค้านโจทก์ว่า ล. เจ้าของกรรมสิทธิ์มอบอำนาจให้ ย. ทำสัญญาเช่ากับจำเลยพยานเอกสารดังกล่าวมิใช่เป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงแม้จะมิได้ระบุไว้ในบัญชีพยานและส่งสำเนาให้โจทก์ก็ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังกรณีไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88,90ศาลรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้ เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่า ล. เจ้าของกรรมสิทธิ์มอบอำนาจให้ ย. ทำสัญญาเช่ากับจำเลยย่อมนำสืบโดยอ้างหนังสือมอบอำนาจเพื่ออธิบายให้เห็นว่าที่มีชื่อ ย. เป็นผู้ให้เช่าในสัญญาเช่าเพราะได้รับมอบอำนาจจาก ล. ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาเช่า