คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
น.ส.3ก.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบขัดแย้งกับคำให้การเดิม, การละเมิด, และการเพิกถอน น.ส.3ก. ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นความรับผิดทางแพ่ง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ให้จำเลยที่ 1 กู้เงินโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้จึงตกลงยกที่พิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ แต่กลับนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทไว้กับพ่อตาโจทก์และให้โจทก์กับภรรยาไปไถ่ถอนคืน แล้วจำเลยที่ 2 ยกที่พิพาทให้โจทก์ การนำสืบของโจทก์จึงขัดกับประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ เป็นการนำสืบนอกประเด็นและรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(1)และเมื่อคดีฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยแล้ว การที่โจทก์เข้าแย่งทำนาในที่พิพาทย่อมเป็นการละเมิดต่อจำเลยชอบที่จำเลยทั้งสองจะฟ้องเรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ คำให้การแก้ฟ้องแย้งที่โจทก์มอบให้ทนายความยื่นนั้น ถือเสมือนว่าโจทก์เป็นผู้ยื่นด้วยตนเอง จึงย่อมผูกพันโจทก์โจทก์ไม่อาจอ้างได้ว่าทนายความของโจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งไม่ตรงตามความจริงโดยโจทก์ไม่ทราบเรื่อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชน (น.ส.3ก.) มีผลผูกพันตามข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์ความไม่ถูกต้อง
แบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่พิพาท เป็นเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้ทำขึ้นจึงเป็นเอกสารมหาชนซึ่งต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน – การเพิกถอย น.ส.3ก. – แม้เกิน 1 ปี – การแย่งการครอบครอง
ที่พิพาทเป็นของโจทก์และจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทแม้ทางราชการจะออก น.ส.3ก สำหรับที่พิพาทให้จำเลยก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้เพิกถอน น.ส.3ก ได้แม้จะเกิน 1 ปีนับแต่วันที่ทางราชการออกน.ส.3ก ให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128-2132/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ก็มีผลตามสภาพ หากมีการออก น.ส.3ก. ไม่ชอบด้วยกม. เจ้าหน้าที่เพิกถอนได้
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่ดินนั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณะประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียนไว้ที่พิพาทเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ที่ราษฎรในหมู่บ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้วจึงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2)
โจทก์ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก)ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) ให้ไปไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ว่าราชการจังหวัดชอบที่จะดำเนินการเพิกถอนเสียได้ตาม มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3980/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ โจทก์ครอบครองที่ดิน น.ส.3ก. ไม่สำเร็จ
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันโดยจำเลยที่ 1 ยอมยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้วโจทก์เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปี ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1382 จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินพิพาทกับโจทก์ หากแต่โจทก์ใช้ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะโดยวิสาสะด้วยความสัมพันธ์ฉันญาติ แม้โจทก์จะครอบครองที่ดินพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์อันเนื่องมาจากโจทก์ครอบครองปรปักษ์แล้วหรือไม่ จึงเป็นการกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยตรงตามประเด็นที่โจทก์ฟ้องและจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีแล้ว
ทางราชการเพิ่งออกโฉนดที่ดินเลขที่ 54893 ให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 นับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2546 ยังไม่ถึงสิบปี แม้โจทก์จะอ้างว่าเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งในขณะนั้นทางพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินเดิมตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2623 ของจำเลยที่ 1 ก็ไม่อาจนับระยะเวลาที่ครอบครองอยู่แต่เดิมมารวมเข้ากับระยะเวลาครอบครองที่ดินได้ เพราะการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์จะมีได้แต่เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์เท่านั้น ฉะนั้น ที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ไม่ว่าโจทก์จะครอบครองนานเพียงใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13969/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ การครอบครองใน น.ส.3ก. ไม่นำซึ่งกรรมสิทธิ์
บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้อื่น ที่ดินนั้นจะต้องเป็นที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์เสียก่อน จึงจะถูกอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้ ที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครอง แม้จะมีเจตนาครอบครองอย่างเป็นปรปักษ์ก็หาได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นสิทธิคนละประเภทกับสิทธิครอบครองที่มีอยู่แต่เดิมไม่ เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่ดิน น.ส. 3 ก. ที่มีเพียงสิทธิครอบครอง โจทก์จึงไม่อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินพิพาทได้
โจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สิทธิครอบครองจะเป็นสิทธิในทรัพย์สินที่อยู่ในอันดับรองจากกรรมสิทธิ์ แต่ก็หาใช่สิทธิที่กฎหมายรับรองให้มีการร้องขอแสดงสิทธิได้เช่นเดียวกับกรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ไม่ กรณีจึงไม่อาจมีคำพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไปเสียในคราวเดียวกันในชั้นนี้เพราะสิทธิครอบครองในที่ดินของผู้อื่นจะมีได้ก็แต่การแย่งการครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามมาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง เมื่อคดีไม่มีประเด็นพิพาทเรื่องแย่งการครอบครอง ประกอบกับไม่ได้ความว่าโจทก์เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา 1381 จึงต้องรับฟังว่าการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์เป็นการครอบครองแทนจำเลยตลอดมา กรณีไม่มีเหตุเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามคำขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9425/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดสรรที่ดิน น.ส.3ก. แม้ไม่ขออนุญาต ก็ยังเป็นการจัดสรรตามประกาศ คปต. ฉบับที่ 286 และเกิดภาระจำยอม
การที่ จ. ยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) จำนวน 226 แปลง และสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อขายโดยทำถนนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกทางสาธารณะ ถือว่าเป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ทางพิพาทย่อมตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่จัดสรรรวมทั้งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ของโจทก์โดยผลแห่งกฎหมายตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 แม้ จ. จะมิได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินหรือหลีกเลี่ยงการขออนุญาตจัดสรรที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว ก็ไม่ทำให้การจัดสรรที่ดินนั้นกลับไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12909/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ออก น.ส.3ก. โดยไม่ตรวจสอบเอกสาร ทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์โดยมิชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ได้ลงลายมือชื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้แก่ ด. ซึ่งเป็นการกระทำที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลย โดยไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องว่า ด. ยื่นขอออก น.ส.3 ก ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริงหรือไม่ และทำให้ ด. ได้ไปซึ่ง น.ส.3 ก ดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิได้รับ ถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ป.อ. มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10424/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ที่ได้มาโดยมิชอบ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทั้ง 66 ฉบับ ดำเนินการโดยผู้ครอบครองที่ดินมิได้ยื่นคำขอพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์จริง ไม่ทราบตำแหน่งที่ดิน ไม่มีการรังวัดสอบสวนการทำประโยชน์ระบุตำแหน่งที่ดินในระวางแผนที่ ออกทับที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยจำเลยร่วมทำเอกสารปลอมและเอกสารอันเป็นเท็จเสนอต่อนายอำเภอ เพื่อขออนุมัติต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เฉพาะราย ไม่มีการจัดทำตามขั้นตอนรายละเอียดดังที่ระบุในเอกสารประกอบเรื่องราวขึ้นจริง เลขต่อในทะเบียนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 8) บางส่วนถูกฉีกขาดหายไป ไม่พบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ฉบับสำนักงานที่ดินทั้ง 66 ฉบับ ที่ถูกเพิกถอน โดยจำเลยร่วมดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทั้ง 66 ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการสามารถใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อจำหน่าย จ่าย โอน รวมทั้งใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อในการประกอบธุรกิจ บ่งบอกว่าการกระทำทั้งปวงมิได้มุ่งหมายให้ได้ที่ดินเพื่อใช้เป็นประโยชน์ตามสภาพของทรัพย์สิน แต่มุ่งหมายเพียงเพื่อให้ได้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เพื่อเป็นสินทรัพย์จำนองเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเท่านั้น ทั้งโจทก์เคยไปดูที่ดินพบว่ามีการทำนาปลูกต้นยูคาลิปตัสและมันสำปะหลัง ไม่เคยถามผู้ที่ทำนาเหล่านั้นว่าขายที่ดินหรือไม่ ทราบเพียงว่าเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จึงตกลงซื้อภายหลังซื้อที่ดินทั้งหมดประมาณ 18,000 ไร่ จึงวางแผนพัฒนาที่ดินเสนอต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เพื่อให้ได้เงินไปขยายธุรกิจขนส่งทางทะเลโดยไม่เคยทำประโยชน์ตามแผนพัฒนาที่ดินที่เสนอต่อผู้ให้กู้ สัญญาซื้อขายที่อ้างจำนวนมากถึง 92 ฉบับ มีเพียงหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ฉบับเดียวที่ตรงกับที่ดิน 66 ฉบับ ที่ถูกเพิกถอน วันที่ตามสัญญาซื้อขายแตกต่างกับวันที่ซึ่งลงในสารบัญรายการจดทะเบียน จึงเป็นพิรุธว่ามีการจดทะเบียนซื้อขายโดยชอบหรือไม่ เชื่อว่าโจทก์ได้ที่ดินมาโดยไม่ชอบ ไม่อาจอ้างสิทธิได้ตามฟ้อง เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 4 ให้ร่วมกันรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนในผลแห่งละเมิด กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันมิอาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 4 ที่มิได้ฎีกาด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบ มาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15919/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ น.ส.3ก.ออกโดยมิชอบ สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ จำเลยต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย
การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 4410 เป็นการออกเฉพาะราย โดยมีการนำหลักฐาน ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐาน เป็นการออก น.ส.3 ก. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่ง ป.ที่ดิน ซึ่งตามคำฟ้องโจทก์บรรยายชัดเจนว่า จำเลยนำ น.ส.3 ก. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายมาหลอกขายให้โจทก์และได้รับเงิน 660,000 บาท จำเลยไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองที่ดินแปลงนั้น โจทก์ซื้อที่ดินมาไม่ได้สิทธิครอบครอง การที่โจทก์เข้าทำสัญญาซื้อขายกับจำเลยจึงเป็นการทำสัญญาโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 156 จึงต้องคืนทรัพย์ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง ประกอบมาตรา 412 ดังนั้น โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินได้ และการฟ้องคดีของโจทก์เป็นการติดตามเอาเงินคืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 ไม่มีกำหนดอายุความ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และเมื่อโจทก์ไม่นำสืบว่ามีการทวงถามจำเลยให้ชำระเงินคืนเมื่อไร จำเลยต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
of 6