พบผลลัพธ์ทั้งหมด 100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกาย: ข้อหาที่ถูกต้องและการลงโทษตามบทบัญญัติที่เหมาะสม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณท้องทำให้กระเพาะอาหารทะลุ แพทย์ลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาตัว 30 วัน โดยไม่มีข้อความว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาฆ่าคงมีแต่เจตนาทำร้ายจึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา 295เท่านั้น
การที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 เกินกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
การที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 เกินกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดเกี่ยวกับไม้หวงห้าม ปริมาณไม้ และบทบัญญัติที่ใช้ลงโทษ
พระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 73 เป็นบทลงโทษของมาตรา 48 เมื่อจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 48 แล้ว จะลงโทษตามมาตรา 73ไม่ได้มาตรา 73 วรรคสอง ข้อ (1) เป็นบทบัญญัติที่ให้ลงโทษหนักขึ้นสำหรับความผิดที่เกี่ยวกับไม้สัก ไม้ยาง หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. แต่ในกรณีที่เป็นไม้ยางหรือไม้หวงห้ามประเภท ข.ที่ไม่ใช่ไม้สักแล้วจะต้องมีปริมาตรไม้เป็นจำนวนเกินกว่า0.20 ลูกบาศก์เมตร ผู้กระทำจึงจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามบทกฎหมายดังกล่าว คดีนี้จำเลยเพียงมีไม้ยางแปรรูปปริมาตรไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรจำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 73วรรคสอง ข้อ (1) แม้เมื่อรวมกับไม้ตะเคียนหินแปรรูปซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.แล้วจะมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรก็ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกซ้ำซ้อน ศาลต้องลงโทษตามบทบัญญัติที่ให้ระวางโทษหนักขึ้นเท่านั้น
ป.อ.มาตรา336ทวิเป็นบทบัญญัติให้ระวางโทษหนักขึ้นมิใช่การเพิ่มโทษศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา335(1)(3)(8)ประกอบด้วยมาตรา336ทวิจำคุก5ปีเป็นการระวางโทษหนักขึ้นกึ่งหนึ่งตามมาตรา336ทวิแล้วยังเพิ่มโทษตามมาตรา336ทวิอีกกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก7ปี6เดือนจึงเป็นการเพิ่มโทษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยข้าราชการตำรวจในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องลงโทษตามบทบัญญัติที่ทำให้รับโทษหนักขึ้น มิใช่เพิ่มโทษ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมาตรา 66 ประกอบมาตรา 100 ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น การที่ศาลชั้นต้น กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แล้วจึงระวางโทษเป็นสามเท่า ของโทษที่ศาลกำหนดนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลย เป็นสามเท่าของโทษที่ศาลกำหนดหาใช่ลงโทษจำเลยในระวาง สามเท่าของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยข้าราชการตำรวจในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติที่ทำให้รับโทษหนักขึ้น ไม่ใช่เพิ่มโทษ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมาตรา 66 ประกอบมาตรา 100 ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น การที่ศาลชั้นต้น กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แล้วจึงระวางโทษเป็นสามเท่า ของโทษที่ศาลกำหนดนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มโทษแก่จำเลย เป็นสามเท่าของโทษที่ศาลกำหนดหาใช่ลงโทษจำเลยในระวาง สามเท่าของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบน้ำมันเบนซินจากการไม่มีใบอนุญาต: ศาลฎีกาตัดสินว่าการไม่มีบทบัญญัติริบในกฎหมายเฉพาะ ทำให้ไม่สามารถริบของกลางได้
พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ. 2516 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2520 ตลอดจนคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2522 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงลงวันที่ 30 มีนาคม 2522 มิได้มีบทบัญญัติให้ริบน้ำมันในกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืนมีน้ำมันเบนซินโดยไม่มีเหตุต้องใช้หรือไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมัน ความผิดของจำเลยอยู่ที่การมีน้ำมันโดยไม่มีเหตุต้องใช้และไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาเท่านั้น น้ำมันเบนซินที่จำเลยมีไว้จึงมิใช่เป็นทรัพย์สินที่จำเลย มีไว้เป็นความผิดซึ่งจะต้องถูกริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความบทบัญญัติ 'ขาย' ในความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ครอบครองเพื่อขาย และความชอบด้วยกฎหมายของการฟ้องสองข้อหา
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย นำ เข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์" มีโทษตาม มาตรา 89 นั้น ไม่มีข้อความใดบัญญัติถึงโทษฐานมีไว้เพื่อขายก็ตาม แต่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้นิยามว่า "ขาย" ไว้ว่า หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนั้น เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน ซึ่งออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขาย จึงเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 13 และพิพากษาลงโทษตาม มาตรา 89 ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายก็โดยอาศัยบทบัญญัติของมาตรา 4 ซึ่งให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายอันอันถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 13 ซึ่งมีบทบัญญัติลงโทษไว้ในมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 และขณะเดียวกันก็ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนหนึ่ง ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นฟ้องที่ขัดแย้งหรือฟ้องที่ไม่มีบทบัญญติของกฎหมายให้ลงโทษและไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายก็โดยอาศัยบทบัญญัติของมาตรา 4 ซึ่งให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายอันอันถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 13 ซึ่งมีบทบัญญัติลงโทษไว้ในมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 และขณะเดียวกันก็ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนหนึ่ง ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นฟ้องที่ขัดแย้งหรือฟ้องที่ไม่มีบทบัญญติของกฎหมายให้ลงโทษและไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง: บทบัญญัติมาตรา 87 พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปโดยเรียบร้อยและเป็นธรรม จึงได้กำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ไว้เป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นการที่มาตรา 87 ให้อำนาจศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง อันเป็นการจำกัดสิทธิของผู้กระทำผิดจึงไม่เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521
มาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้กระทำผิดมีกำหนดห้าปี เป็นบทบังคับเด็ดขาด ไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจลดน้อยลงได้ ศาลจึงไม่อาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้น้อยกว่ากำหนดห้าปีได้
มาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้กระทำผิดมีกำหนดห้าปี เป็นบทบังคับเด็ดขาด ไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจลดน้อยลงได้ ศาลจึงไม่อาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้น้อยกว่ากำหนดห้าปีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานสั่งรื้อถอนอาคารดัดแปลงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติเฉพาะ และขอบเขตการลงโทษปรับ
คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับการดัดแปลงอาคารฝ่าฝืนมาตรา 22 นั้น จะต้องเป็นเรื่องให้ระงับการกระทำ และห้ามการใช้อาคารเท่านั้น มิใช่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารซึ่งมีวิธีการบัญญัติไว้ต่างหากในมาตราอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งริบของกลางในคดีการค้าข้าว แม้โจทก์มิได้อ้างมาตราที่บัญญัติการริบโดยตรง
พระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 มาตรา 21 ทวิพระราชบัญญัติการค้าข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 12 เป็นบทบัญญัติให้ริบข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดตามพระราชบัญญัติ การค้าข้าว เมื่อปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งริบข้าวของกลางแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติการค้าข้าวดังกล่าว ที่บัญญัติให้ริบของกลางมาในคำฟ้องด้วย ศาลก็มีอำนาจสั่งริบข้าวของกลางตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ (อ้างฎีกา 485/2493)