คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปฏิเสธ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 144 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ จำเลยปฏิเสธการรับซื้อและให้การไม่สมัครใจ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีพยานปากเดียว เบิกความว่าพบรถจักรยานยนต์ของกลางจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านจำเลยจึงยึดไปตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ถูก คนร้ายลักไปวันรุ่งขึ้นพยานไปสอบถามจำเลย จำเลยรับว่าซื้อ รถจักรยานยนต์ของกลางมาจากนาย จ. เมื่อพยานแจ้งข้อหาแก่จำเลย จำเลยก็ให้การรับสารภาพฐาน รับของโจร แต่ พยานโจทก์ดังกล่าวเบิกความตอบคำถามค้าน ว่าในวันยึดรถจักรยานยนต์ของกลางไปตรวจสอบพยานไม่ได้สอบถาม จำเลยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของใคร และจำเลยก็ไม่คัดค้าน หรือโต้แย้งว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของจำเลย คำเบิกความของพยานโจทก์ขัดต่อ เหตุผลมีพิรุธส่วนคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน จำเลยก็ต่อสู้ ว่าไม่ได้ให้การด้วย ความสมัครใจพยานหลักฐานของโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยรับซื้อ รถจักรยานยนต์ของกลางไว้จากนาย จ. หรือไม่ ต้อง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาป่วยต้องยื่นใบลาตามข้อบังคับ หากใบรับรองแพทย์ไม่ตรงกับวันที่ลาป่วย จำเลยมีสิทธิปฏิเสธการลาได้
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกำหนดการลาป่วยว่า"ถ้า พนักงานป่วยสามวันทำงานติดต่อ กัน พนักงานจะต้อง แสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบัน" การที่โจทก์ซึ่ง เป็นพนักงานลาป่วยติดต่อ กันหลายวันโดย มีใบรับรองแพทย์มาแสดงสองฉบับ แต่ใบรับรองแพทย์ดังกล่าวมิได้รับรองว่าโจทก์ได้ ป่วยในวันที่ 1314ด้วย การยื่นใบลาป่วยในวันดังกล่าวจึงไม่ตรง ตาม ข้อบังคับของจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิปฏิเสธการลาป่วยที่ไม่ถูกต้องของโจทก์ได้ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการลาของโจทก์ดังกล่าวไม่ถือ เป็นการลาป่วย จึงหาเป็นการขัดต่อ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 12 ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการรับอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม
ในการตรวจ อุทธรณ์ที่จำเลยยื่นต่อ ศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจ ทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224230 รวมตลอด ทั้งตรวจ อุทธรณ์-เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตาม มาตรา 230วรรคสอง และมาตรา 232 ด้วย. ศาลชั้นต้นตรวจ อุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตาม คำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ ซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 บัญญัติว่า ให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้อง ชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้อง ปฏิบัติตาม บทกฎหมายดังกล่าวแต่ ไม่ปฏิบัติ ศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตาม บทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5045/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานเล่นการพนันและการยกเว้นโทษในสถานสาธารณะเมื่อผู้ต้องหาปฏิเสธ
แม้จะฟังได้ว่าจำเลยอยู่ในวงการพนันไฮโลว์ ด้วยก็ตาม แต่วงการพนันไฮโลว์ ที่เกิดเหตุอยู่ที่เพิง ขายอาหารซึ่งตั้งอยู่บนทางสาธารณะ หน้าอู่รถโดยสารประจำทาง ซึ่งประชาชนทั่วไปมีความชอบธรรมจะเข้าไปได้ ที่เกิดเหตุจึงเป็นสาธารณสถาน ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 ที่มิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นการพนันด้วยเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน จนถึงชั้นพิจารณา จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจดทะเบียนสมรส: จำเลยยังไม่ได้ปฏิเสธการจดทะเบียน การรอหลักฐานจากสถานทูตไม่ถือเป็นการปฏิเสธ
โจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติอิตาเลียนยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสโดยระบุว่าเอาหนังสือรับรองความเป็นโสดจากสถานทูตมาแสดงไม่ได้ขอให้จำเลยทำหนังสือถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวโจทก์ไปที่สถานทูตเพื่อใช้ประกอบการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย การที่จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนออกหนังสือสอบถามให้และรอหนังสือรับรองจากสถานทูตประเทศที่โจทก์มีสัญชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าโจทก์เป็นโสดไม่ต้องห้ามสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 นั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์กรณียังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนสมรสต่างชาติ: การรอหลักฐานความเป็นโสดไม่ถือเป็นการปฏิเสธสิทธิ
โจทก์ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสโดยระบุด้วยว่าเอาหนังสือรับรองความเป็นโสดจากสถานทูตมาแสดงไม่ได้ ขอให้จำเลยทำหนังสือถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวโจทก์ไปที่สถานทูตเพื่อใช้ประกอบการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย การที่จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนออกหนังสือสอบถามให้และรอหนังสือรับรองจากสถานทูตประเทศที่โจทก์มีสัญชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าโจทก์เป็นโสดไม่ต้องห้ามสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์ กรณีจึงยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4120/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การของจำเลยที่ไม่ชัดเจน ถือเป็นการไม่ปฏิเสธข้ออ้างโจทก์ อำนาจฟ้องจึงสมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ว.เป็นผู้ฟ้องคดีตามเอกสารหมายเลข 1 ท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่า ว. จะได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจากโจทก์จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบไม่ขอรับรอง ดังนี้คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยในเรื่องอำนาจฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์มอบอำนาจให้ว. ฟ้องคดีตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมายเลข 1ท้ายฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2751/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธใบอนุญาตเปิดร้านขายยาเนื่องจากจำนวนร้านครบตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
โจทก์ขออนุญาตเปิดร้านขายยาแผนปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดไม่อนุญาตเพราะมีร้านขายยาแผนปัจจุบันในอำเภอที่โจทก์ขอเปิดครบจำนวนตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดจำนวนสถานที่ขายยาได้กำหนดไว้แล้วโจทก์จึงอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรัฐมนตรีพิจารณาแล้วไม่อนุญาตและแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทราบแล้วดังนี้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีจึงเป็นที่สุดตามนัยแห่งพระราชบัญญัติ ยาพ.ศ.2510มาตรา18การกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่1และกระทรวงสาธารณสุขจำเลยที่2เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและบทบัญญัติกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์: พยานหลักฐานสอดคล้องยืนยันความผิด จำเลยให้การปฏิเสธแต่ไม่มีน้ำหนักหักล้างได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้าย โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับเดือนที่จำเลยกระทำผิดจากเดือนกรกฎาคม 2530 เป็นเดือนพฤษภาคม 2530 ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุจริงตามที่พยานโจทก์เบิกความ เมื่อปรากฏว่าในตอนที่จำเลยให้การจำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธลอย แม้จำเลยจะนำสืบว่าเดือนกรกฎาคม 2530 จำเลยถูกขังอยู่ในเรือนจำก็เป็นการถูกขังระหว่างสอบสวนในคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยหลงต่อสู้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในเช็ค: จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการออกเช็คชัดเจน จึงถือว่ารับผิดต่อผู้ทรง
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คฉบับเดียว จำเลยให้การว่าเคยออกเช็ค 2 ฉบับชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์และค่าเบี้ยประกันภัยแก่น. ต่อมาผู้รับประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงิน ตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่อาจทราบได้ว่าเช็ค 2 ฉบับ มีฉบับที่โจทก์ฟ้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธให้ชัดแจ้งจึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น. ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
of 15