พบผลลัพธ์ทั้งหมด 138 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปเพื่อประกันหนี้ ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นหนี้พี่สาวจำเลย พี่สาวจำเลยเคยบอกผู้เสียหายว่าจะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมาไว้ก่อน เมื่อผู้เสียหายมีเงินแล้วค่อยมาไถ่คืน จำเลยไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยเปิดเผยตามที่ผู้เสียหายยินยอมให้ถือเอาทรัพย์ของตนเพื่อประกันการชำระหนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ จำเป็นต้องมีการวางเงินหรือหาประกันตามคำพิพากษาหรือไม่
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ โดยมิได้นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันมาให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ โดยมิได้สั่งเรื่องจำเลยไม่วางเงินและมิได้ส่งไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยมิได้นำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันมาให้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้จำเลยนำเงินมาวางหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นภายในเวลากำหนด แล้วให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5063/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบรถเพื่อตีชำระหนี้ ตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คันไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์ มามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้ แต่โจทก์จำเลยตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกัน ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ได้นำรถแทรกเตอร์ ไปมอบให้แก่จำเลยเพียงคันเดียวและครั้งเดียว จำเลยเข้าใจดีแล้วว่ารถแทรกเตอร์ คันที่ได้รับมอบจากโจทก์เป็นรถคันพิพาทและได้ให้การต่อสู้คดีอย่างถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์นำรถพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลย แต่ตกลงราคารถกันไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้องคืนรถพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 241
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบรถพิพาทคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถพิพาทมาตีชำระหนี้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่ได้ เพราะการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้
โจทก์นำรถพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลย แต่ตกลงราคารถกันไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้องคืนรถพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 241
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบรถพิพาทคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถพิพาทมาตีชำระหนี้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่ได้ เพราะการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการใช้เช็คเพื่อประกันค่าแชร์รายงวด ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริตตาม พ.ร.บ.เช็ค
แม้ในคำฟ้องระบุว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คชำระหนี้ แต่พยานโจทก์เบิกความว่าเป็นเช็คที่มีผู้นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ และตัวโจทก์กับพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันเกี่ยวกับวันที่รับแลกเช็คและการที่โจทก์ไม่สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คพิพาทนั้นก็มิใช่ข้อสาระสำคัญถึงกับทำให้พยานโจทก์ฟังไม่ได้ การเช่นแชร์นั้นลูกแชร์ซึ่งประมูลแชร์ได้งวดใด มีหน้าที่ต้องส่งเงินค่าแชร์ที่ประมูลได้บวกกับดอกเบี้ย ให้หัวหน้าวงแชร์ทุกงวดจนกว่าจะครบลูกแชร์ทุกคนที่ยังประมูลไม่ได้ ไม่ใช่ต้องชำระค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดในงวดเดียว การที่จำเลยมอบเช็คพิพาทมีจำนวนเงินเท่ากับค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดให้แก่หัวหน้าวงแชร์ จึงไม่ใช่เป็นการชำระค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อทั้งหมดแต่เป็นการมอบให้เพื่อประกันเงินค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อเท่านั้น จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ผู้ทรงนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วรรคหนึ่ง โดยนำเงินมาชำระหรือหาประกัน หากไม่ปฏิบัติตาม ศาลชอบที่จะยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยได้ และการที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ทันทีโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อบกพร่องดังกล่าวก็ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบเพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่แจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบ แต่เป็นบทบัญญัติที่บังคับผู้อุทธรณ์เพียงฝ่ายเดียวให้ต้องปฏิบัติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413-1415/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกัน
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 34 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยได้ และการที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ทันทีโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อบกพร่องดังกล่าวก็ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นต้องปฏิบัติเช่นนั้น แต่บังคับผู้อุทธรณ์เพียงฝ่ายเดียวให้ต้องปฏิบัติหาใช่เป็นหน้าที่ของศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนลงทุนค้าขายเช็คชำระหนี้: เช็คเป็นประกันคืนทุน ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ.เช็ค
โจทก์จำเลยตกลง เข้า หุ้นส่วนกันประกอบกิจการค้าขายโทรศัพท์โจทก์เป็นผู้ลงทุนด้วย เงิน จำเลยลงทุนด้วย แรง จำเลยได้ออกเช็ค สั่งจ่ายเงินเท่ากับจำนวนค่าหุ้นทั้งหมดมอบให้แก่โจทก์ไว้ต่อมาจึงเปลี่ยนเช็ค พิพาทให้โจทก์แทน ถึง กำหนดชำระเงินตาม เช็คโจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึง 5-6 เดือน แสดงว่าโจทก์ทราบถึงฐานะ ของจำเลยดี ว่าไม่ สามารถใช้ เงินตาม เช็ค ได้ ประกอบกับโทรศัพท์ที่ลงทุนซื้อ มาก็ยังขายไม่ได้ ดังนี้เช็ค พิพาทจึงเป็นเพียงเช็ค ที่จำเลยออกให้แก่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วย กันโดย มุ่งหมายให้เป็นประกันในการคืนทุนเมื่อเสร็จการของห้างหุ้นส่วนและเมื่อมีผลกำไรปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนยังไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จการตาม กำหนดและยังไม่มีผลกำไรเช่นนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตาม เช็ค พิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4135/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อประกันหนี้: สิทธิของผู้ทรงตั๋วและผลของการตกลงสละสิทธิ
ผู้ร้องสลักหลังจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทภ.ไว้แก่จำเลยที่ 1 เพื่อประกันหนี้ของผู้ร้องและตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้ห้ามเปลี่ยนมือ การสลักหลังดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินเรียกเก็บเงินตามตั๋วได้ในวันถึงกำหนด โดยไม่ต้องบอกกล่าวการจำนำแก่บริษัทภ.และบังคับเอากับบริษัทภ. ผู้ออกตั๋วได้ และการที่จำเลยที่ 1ทำหนังสือตกลงสละสิทธิที่จะไม่เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้อีกหากการบังคับจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น จำเลยที่ 1 มุ่งประสงค์จะบังคับชำระหนี้โดยการบังคับจำนำตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทภ.ออกให้แก่ผู้ร้องเท่านั้นซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องถูกผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้รายนี้อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คเพื่อประกันการปฏิบัติตามสัญญาหุ้นส่วน และการฉ้อฉลในการฟ้องร้อง
จำเลยที่ 1 มีอาชีพเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ จำเลยที่ 2 ว.และส.เข้าหุ้นส่วนกันสร้างภาพยนตร์โทรทัศน์โดยว.ลงทุนด้วยเงินสด จำเลยที่ 2 และ ส. ลงทุนด้วยแรงงานโดยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึง ได้จากกิจการสร้างภาพยนตร์นั้นส่วนโจทก์เป็นหุ้นส่วนร่วมกับ ว.20 เปอร์เซ็นต์ ของเงินทุนที่ ว. นำมาลง และเป็นทนายความประจำสำนักงานภาพยนตร์ของ ว. จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง มอบให้ ว.โดยมีข้อตกลงว่าว. จะบังคับให้ใช้เงินตามเช็คได้ต่อเมื่อภาพยนตร์ที่ร่วมกันสร้างได้ฉาย ทาง โทรทัศน์ จนมีกำไร เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่ออกให้แก่ ว. ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญาหุ้นส่วน เมื่อ ว. ยังไม่ปฏิบัติตามสัญญาหุ้นส่วนโดยไม่จัดการชำระบัญชีกันให้ถูกต้อง แล้วกลับโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสอง โดยโจทก์รู้ถึงข้อตกลงในการเข้าหุ้นส่วนดังกล่าว เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้องย่อมถือว่าโจทก์กับ ว. คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยทั้งสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ประวิงคดี และการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้าน
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่.