พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุมกรณีไม้หวงห้าม แม้ไม่ระบุยืนยันการทราบประกาศและจำนวนไม้ที่แปรรูป
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางราชการได้คัดสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ประกาศไว้ ณ ที่ทำการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่ที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว แม้จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วแต่คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันหมายความว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทยตามประกาศ คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337: ผลกระทบต่อสถานะบุคคลและการฟ้องร้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดแม้จะกล่าวในฟ้องถึงจำเลยที่1ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเขตจังหวัดด้วยก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องจำเลยที่1ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดเสียไป การที่จำเลยที่1ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดมีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่2ปลัดเทศบาลในฐานะนายทะเบียนท้องถิ่นว่าโจทก์และบุตรทุกคนของส. ไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ให้จำเลยที่2ถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านและจำเลยที่2ได้ดำเนินการตามคำสั่งจำเลยที่1แล้วถือว่าจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิของโจทก์แม้การกระทำของจำเลยทั้งสองจะเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนก็ตามโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์มีมารดาเป็นคนญวนอพยพขณะโจทก์เกิดไม่ปรากฏว่าโจทก์มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายหลังจากโจทก์เกิดแล้วมารดาโจทก์จึงจดทะเบียนสมรสกับส. คนสัญชาติไทยดังนั้นในขณะโจทก์เกิดมารดาโจทก์จึงเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราวและไม่ปรากฏบิดาว่าด้วยกฎหมายโจทก์ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการเกิดในอาณาจักรไทยจึงถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337แม้ภายหลังที่โจทก์เกิดแล้วบิดามารดาได้สมรสกันอันเป็นผลให้โจทก์มีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายก็หาทำให้โจทก์เกิดสิทธิที่จะได้สัญชาติไทยไม่จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิ่มชื่อโจทก์ลงในทะเบียนราษฎร์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนสัญชาติไทยโดยประกาศคณะปฏิวัติ บิดาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่กระทบสัญชาติ
โจทก์ฟ้องว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่3ออกคำสั่งให้ปลัดเทศบาลจำเลยที่5จดข้อความลงในทะเบียนบ้านว่าโจทก์ทั้งหกเป็นญวนอพยพโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจำเลยที่1และปลัดกระทรวงมหาดไทยจำเลยที่2ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่3และที่5ต้องรับผิดร่วมด้วยดังนี้แม้การถอนสัญชาติไทยจะเป็นผลของประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337มิใช่เป็นการกระทำของจำเลยแต่ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติของโจทก์ทั้งโจทก์ไม่ได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยเพิกถอนสัญชาติโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์ที่1เป็นบุตรของนางด. คนสัญชาติไทยเกิดกับอ.คนสัญชาติญวนโจทก์ที่2เป็นบุตรของโจทก์ที่1เกิดกับม.คนสัญชาติญวนส่วนโจทก์ที่3ถึงที่6เป็นบุตรของโจทก์ที่1เกิดกับน. โจทก์ทั้งหกเกิดในราชอาณาจักรไทยและบิดาของโจทก์ทุกคนเป็นบิดาที่มิชอบด้วยกฎหมายเช่นนี้โจทก์ที่1ไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337เพราะอ. เป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ที่1บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยจะถูกถอนสัญชาติไทยโดยเหตุที่บิดาเป็นคนต่างด้าวตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์ที่1มารดาของโจทก์ที่2ไม่ใช่คนต่างด้าวและม.ก็มิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ที่2กรณีจึงไม่ต้องด้วยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ข้อ1(2)อันจะเป็นผลให้โจทก์ที่2ถูกถอนสัญชาติไทยกรณีเช่นเดียวกับโจทก์ที่3ถึงโจทก์ที่6ที่โจทก์ที่1ซึ่งเป็นมารดามิได้เป็นคนต่างด้าวจึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงตัดสิทธิค่าชดเชยขัดประกาศ ม.46,47 และค่าน้ำมัน/ค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มีผลบังคับอย่างกฎหมายและเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้นข้อตกลงที่ตัดสิทธิที่จะพึงได้รับค่าชดเชยของโจทก์ตามประกาศดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ
หนังสือของจำเลยที่กล่าวถึงการที่โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎและระเบียบของจำเลยและในตอนท้ายของหนังสือได้กล่าวให้โจทก์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎและระเบียบของจำเลยมิฉะนั้นอาจมีการเตือนหรือปลดออกจากงาน ถือว่าเป็นคำเตือนถึงความไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ตกลงไว้กับจำเลย ยังถือไม่ได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า
จำเลยจ่ายค่าน้ำมันรถให้โจทก์ตามตำแหน่งเป็นประจำทุกเดือนโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะใช้จ่ายในการนี้หรือไม่และหากโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ขายสินค้าได้มากกว่ากำหนดก็จะได้รับค่าน้ำมันรถเพิ่มขึ้น จึงมีลักษณะเป็นการจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน ถือได้ว่าเงินค่าน้ำมันรถที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
จำเลยจ่ายค่าครองชีพให้โจทก์มีจำนวนแน่นอนและเป็นประจำทุกเดือน มีลักษณะเป็นการจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานตามปกติของโจทก์เช่นเดียวกับเงินเดือนถือได้ว่าค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
หนังสือของจำเลยที่กล่าวถึงการที่โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎและระเบียบของจำเลยและในตอนท้ายของหนังสือได้กล่าวให้โจทก์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎและระเบียบของจำเลยมิฉะนั้นอาจมีการเตือนหรือปลดออกจากงาน ถือว่าเป็นคำเตือนถึงความไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ตกลงไว้กับจำเลย ยังถือไม่ได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า
จำเลยจ่ายค่าน้ำมันรถให้โจทก์ตามตำแหน่งเป็นประจำทุกเดือนโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะใช้จ่ายในการนี้หรือไม่และหากโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ขายสินค้าได้มากกว่ากำหนดก็จะได้รับค่าน้ำมันรถเพิ่มขึ้น จึงมีลักษณะเป็นการจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงาน ถือได้ว่าเงินค่าน้ำมันรถที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
จำเลยจ่ายค่าครองชีพให้โจทก์มีจำนวนแน่นอนและเป็นประจำทุกเดือน มีลักษณะเป็นการจ่ายให้เป็นการตอบแทนการทำงานตามปกติของโจทก์เช่นเดียวกับเงินเดือนถือได้ว่าค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประสบอันตรายจากการไปดูประกาศหน้าที่ ไม่ถือเป็นการทำงาน จึงไม่เป็นเหตุให้ต้องจ่ายค่าทดแทน
บ. เป็นพนักงานขับรถของโจทก์ การปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานให้โจทก์ก็คือการขับรถ แม้กฎข้อบังคับและระเบียบการเดินรถจะได้กำหนดให้พนักงานขับรถต้องไปอ่านประกาศประจำวันเพื่อให้พนักงานขับรถทราบว่าตนมีหน้าที่ที่จะต้องทำงานในวันรุ่งขึ้นหรือไม่ การที่ บ. ไปดูประกาศประจำวันจึงมิใช่การทำงาน ดังนั้น เมื่อ บ.ประสบอันตรายแก่กายขณะเดินไปดูประกาศดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าบ. ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่โจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881-2882/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองความถูกต้องของประกาศกรมศิลปากรเรื่องโบราณสถาน
สำเนาเอกสารเป็นประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดจำนวนและขอบเขตโบราณสถาน ได้มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ศาลจึงรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินก่อนประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยบุกรุกเข้าครอบครองที่พิพาทก่อนวันที่ 4 มีนาคม 2515 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 มีผลใช้บังคับ การกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 108 ทวิ เพราะการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 9 และมีโทษตามมาตรา 108 ทวิ นั้นจะต้องเป็นการฝ่าฝืนนับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เขตควบคุมการแปรรูปไม้: โจทก์ต้องพิสูจน์การปิดประกาศให้ครบถ้วนเพื่อลงโทษจำเลย
ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มิใช่กฎหมายซึ่งเมื่อประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่าทุกคนต้องทราบและปฏิบัติตาม แม้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าไม่ทราบว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่มีการปิดสำเนาประกาศตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้ โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏว่า ได้มีการปิดสำเนาประกาศไว้ในสถานที่ทุกแห่งตามที่กฎหมายกำหนดให้ประกาศครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์มิได้นำสืบจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2636/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตเขตห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศคณะกรรมการฯ: ชายฝั่งคืออาณาเขตสิ้นสุด
ประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ 109 พ.ศ.2519 ข้อ 5 มีข้อความว่า "เขตห้ามขนย้ายข้าวแต่ละเขตซึ่งกำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ เขตใดมีอาณาเขตติดต่อกับต่างประเทศหรือทะเล ถ้าด้านใดติดต่อกับต่างประเทศหรือทะเลนั้น ในตอนใดเป็นทางน้ำหรือทะเลให้ถือว่าเขตห้ามขนย้ายข้าวมีกำหนดเพียงชายตลิ่งหรือชายฝั่งแล้วแต่กรณี "จำเลยขนย้ายข้าวของกลางจากอำเภอเมืองสตูลไปทางทะเลเพื่อไปยังเกาะเป็นการขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายเพราะเขตห้ามขนย้ายข้าวของอำเภอเมืองสตูลมีกำหนดเพียงชายฝั่งซึ่งหมายถึงริมฝั่งที่เป็นพื้นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งประกาศขายทอดตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ผู้รับประกาศไม่อยู่ ณ ที่อยู่ และการประเมินราคาทรัพย์สินที่เหมาะสม
ศาลส่งประกาศขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองแก่ผู้จำนองไม่ได้เพราะบ้านจำเลยใส่กุญแจ จึงปิดประกาศไว้ที่บ้านเรือนอันเป็นภูมิลำเนาของผู้จำนอง เป็นการส่งประกาศถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยอ้างว่าไม่ทราบ เพราะไปประกอบอาชีพอยู่ที่อื่นไม่ได้