คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้อาวุธปืนเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลลดโทษ
จำเลยลงจากรถจักรยานยนต์ไปยืนพูดจาเพื่อปรับความเข้าใจกับผู้ตายซึ่งมีอาการมึนเมาสุราแต่ไม่สำเร็จและผู้ตายได้ใช้มีดฟันจำเลยก่อนแต่ไม่ถูกซึ่งหากจำเลยเพียงแต่ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวออกมาขู่หรือยิงขู่ผู้ตายผู้ตายก็ไม่น่าจะกล้าฟันทำร้ายจำเลยอีกต่อไปการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้ตายที่บริเวณลำคอและช่วงบนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุแม้ยิงเพียงนัดเดียวก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาว่าเพิ่มโทษจำเลยได้หรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยถูกผู้เสียหายคุกคามด้วยอาวุธ มีเหตุป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
การที่ผู้เสียหายเมาสุราไม่เชื่อฟังมารดาพูดจาท้าทายจำเลยและถือมีดปลายแหลมซึ่งมีใบมีดยาวถึง17เซนติเมตรเดินไปตบหน้าภริยาจำเลยที่หน้าประตูห้องน้ำในขณะที่จำเลยอยู่ในห้องน้ำและอยู่ห่างกันเพียง1ว่าไม่มีทางที่จำเลยจะหลบหนีไปทางใดได้บุคคลที่อยู่ในภาวะเช่นจำเลยต้องเห็นว่าผู้เสียหายมีเจตนาจะทำร้ายจำเลยโดยใช้มีดที่ถือมาแทงจำเลยอย่างแน่นอนและอาจถึงแก่ความตายได้จึงเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพียง1นับแล้วหลบหนีจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิสูจน์ได้ การยิงขู่เพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกขว้างปืน ไม่ถึงแก่ความพยายามฆ่า
ฝ่ายผู้เสียหายมีถึง8คนส่วนจำเลยมีคนเดียวการที่จำเลยชักอาวุธปืนออกมาและพูดขู่ว่าอย่าเข้ามานะพร้อมกับเดินถอยหลังไปเรื่อยๆแสดงให้เห็นว่าฝ่ายผู้เสียหายถือขวดสุราจะเข้าไปหาเพื่อทำร้ายจำเลยหาใช่เอาขวดมาถือไว้เฉยๆดังที่ผู้เสียหายเบิกความไม่หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายทั้งแปดจริงก็คงจะยิงผู้เสียหายตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเพราะจำเลยกระชากลูกเลื่อนให้กระสุนเข้าลำกล้องพร้อมจะยิงได้แล้วการที่จำเลยเดินถอยหลังไปถึง30เมตรแล้วจึงยิงแสดงให้เห็นว่าเป็นการยิงขู่โดยไม่หวังผลเพราะฝ่ายผู้เสียหายมีการขว้างขวดสุราใส่จำเลยส่วนที่ผู้เสียหายที่8และพนักงานสอบสวนเบิกความว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงไปถูกโต๊ะที่วางตู้ขายก๋วยเตี๋ยวห่างกลุ่มผู้เสียหายประมาณ1เมตรแต่ผู้เสียหายที่8ไม่ได้เห็นเองเพียงแต่เพื่อบอกพนักงานสอบสวนก็หาได้บันทึกรอยกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในรายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุหรือแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุแต่อย่างใดไม่ทั้งๆที่เป็นวัตถุพยานอันสำคัญและไม่ได้มีการพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นรอยที่เกิดจากกระสุนปืนจริงเป็นแต่พนักงานสอบสวนเข้าใจเอาเองพยานโจทก์ปากอื่นๆไม่มีผู้ใดเบิกความถึงรอยกระสุนนี้ทั้งที่วิถีกระสุนเป็นเรื่องสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยยิงปืนไปทางใดจึงยังไม่ได้สนิทใจว่ารอยดังกล่าวเกิดจากกระสุนปืนของจำเลยจริงหรือไม่ประกอบกับจำเลยมีเรื่องชกต่อยกับผู้เสียหายที่3เพียงคนเดียวไม่มีสาเหตุกับผู้เสียหายคนอื่นๆและไม่ยิงผู้เสียหายทั้งแปดเสียตั้งแต่แรกขณะอยู่ในระยะใกล้ทั้งที่สามารถกระทำได้กลับเดินถอยหลังให้ห่างออกไปและร้องห้ามมิให้พวกผู้เสียหายเข้ามาชี้ให้เห็นว่าจำเลยต้องการยิงขู่เพราะมีการขว้างขวดสุราใส่จำเลยเท่านั้นหาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งแปดแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9279/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวทางอาญา: การกระทำตอบโต้เพื่อป้องกันอันตรายจากผู้เริ่มทำร้ายก่อน
โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 295 โจทก์และจำเลยที่ 2อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามมาตรา 297 โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2ตามมาตรา 297 อีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ผู้เสียหายเดินเข้าไปพูดห้ามมิให้จำเลยที่ 2 โทรศัพท์ติดต่อกับ ส. พี่ชายผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีเก่าของจำเลยที่ 2 ต่อหน้าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนรักใหม่ของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่พอใจเพราะเท่ากับเป็นการอ้างว่าจำเลยที่ 2 ยังคงติดต่อกับ ส. อยู่อาจทำให้จำเลยที่ 1เข้าใจผิดได้ จำเลยที่ 2 จึงด่าว่าผู้เสียหาย ถือว่าผู้เสียหายเป็นผู้เริ่มก่อให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น การที่ผู้เสียหายตบหน้าจำเลยที่ 2 จำนวน 1 ครั้ง และใช้ขวดเปล่าทุบกับโต๊ะจนขวดแตกปลายแหลมคมเป็นอาวุธแทงจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2จึงได้ยกหัวเตาแก๊สขึ้นทุ่มใส่ผู้เสียหายและใช้ขวดน้ำอัดลมตีศีรษะ ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายยกแขนขวาขึ้นรับขวดถูกบริเวณนิ้วก้อยขวา ได้รับบาดเจ็บและขวดน้ำอัดลมตกกระแทกกับโต๊ะแตกกระจาย เศษแก้วกระเด็นขึ้นมาถูกนิ้วกลางขวาของผู้เสียหายมีบาดแผล เลือดไหล การกระทำของจำเลยที่ 2 มีลักษณะติดพันต่อเนื่องกับ การที่ผู้เสียหายทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 ก่อน ถือว่าเป็นการป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องจากการวิวาท การป้องกันตัว และเจตนาในการกระทำความผิด ศาลลดโทษตามอายุและให้รอการลงโทษ
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้สมัครใจวิวาทกับผู้เสียหายนั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกับผู้เสียหายจำเลยมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อนี้จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วแต่ในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15 หลังจากวิวาทชกต่อยกันแล้วผู้เสียหายได้วิ่งไล่ตามและเข้าไปชกต่อยจำเลยในร้านของป. อีกจำเลยจึงแทงเอาอันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในการวิวาทกันนั่นเองหาใช่การวิวาทได้ขาดตอนลงแล้วไม่จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายขณะผู้เสียหายปล้ำชกต่อยจำเลยจำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกแทงเนื่องจากเป็นระยะประชิดตัวอาวุธที่ใช้ก็เป็นเพียงเหล็กกลมปลายแบนด้านหนึ่งที่ใช้แทนไขควงไม่มีความแหลมคมเหมือนมีดปลายแหลมบาดแผลเป็นเพียงบาดแผลฉีดขาดขอบเรียบแพทย์ผู้ตรวจรักษาลงความเห็นว่าบาดแผลจะหายได้ภายในเวลาประมาณ10วันเท่านั้นแสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายไม่รุนแรงมากนักเมื่อแทงแล้วก็ผลักผู้เสียหายล้มแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่แทงซ้ำอีกพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ชัดเจนว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295เท่านั้นซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหานี้ตามที่พิจารณาได้ความมาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4180/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้ดุลพินิจในการลงโทษคดีอาวุธปืน
ขณะผู้เสียหายทั้งแปดยืนรอขึ้นรถโดยสารประจำทาง อ. กับจำเลยที่1และที่2มาพบผู้เสียหายที่1 อ. ซึ่งรู้จักกับผู้เสียหายที่1ได้เข้าถามหาเพื่อนคนหนึ่งแล้วไม่พอใจคำตอบของผู้เสียหายที่1จึงเกิดการโต้เถียงและเข้าต่อยใบหน้าของผู้เสียหายที่1แต่ไม่ถูกขณะนั้นจำเลยที่1ก็ยืนอยู่พวกของผู้เสียหายคนหนึ่งถือมีดดาบยาวประมาณครึ่งเมตรชูขึ้นเหนือศีรษะวิ่งตรงเข้าจะช่วยผู้เสียหายที่1จำเลยที่1และที่2จึงชักอาวุธปืนลูกซองสั้นและยิงลงไปที่พื้นดินคนละนัดก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เพื่อนของผู้เสียหายที่1ใช้มีดฟัน อ. หรือจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแม้กระสุนปืนที่จำเลยที่1ยิงไปจะกระทบพื้นดินและแผ่กระจายถูกผู้เสียหายทั้งแปดจนได้รับอันตรายแก่กายจำเลยที่1ก็ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำเลยที่1ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรกแม้จำเลยที่1จะฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยที่1หนักเกินไปย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยที่1ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้โดยให้รอการลงโทษแต่ให้ลงโทษปรับและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติด้วย กรณีที่ศาลล่างปรับบทมาตราผิดศาลสูงย่อมมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดหยิบยกขึ้นว่ากล่าวก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10188/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่ากรณีจำต้อง การทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
จำเลยและผู้ตายต่างเป็นบุตร ค. ขณะที่ ค.นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน ผู้ตายมาขอเงินไปเที่ยว ค.จะให้เพียง ๓๐ บาท ผู้ตายแสดงอาการไม่พอใจชกกระจกตู้เสื้อผ้าแตกแล้วตรงเข้าบีบคอ ค. ค.ตะโกนให้คนช่วย จำเลยได้ยินจึงขึ้นมาบนบ้าน บอกให้ผู้ตายปล่อย ค. แต่ผู้ตายกลับชกต่อยจำเลย จำเลยตกใจกลัวจะมีภัยถึงตนและ ค. จึงใช้ไม้ตีป้องกันตัวไป ๒ ครั้ง ทำให้ผู้ตายหมดสตินอนนิ่งจำเลยลากผู้ตายไปที่กระบะพ่วงท้ายรถไถนาเพื่อส่งแพทย์ เมื่อผู้ตายคืนสติจะลงจากกระบะท้ายรถและตะโกนว่าจะฆ่าล้างโคตร จำเลยก็ใช้ไม้ท่อนอันใหญ่ตีผู้ตายอีก๒ ครั้ง ผู้ตายล้มถึงแก่ความตาย ดังนี้ ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่เกิดแก่ ค.มารดาจำเลย คือ ค.ถูกผู้ตายบีบคอยังหาได้ผ่านพ้นไปไม่เนื่องจากผู้ตายสลบ เมื่อผู้ตายฟื้นคืนสติขึ้นมาก็พูดทันทีว่า "ไอ้ห่าจะฆ่าทั้งแม่ทั้งลูกเลย"อันแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ตายที่ยังมีเจตนาเดิมอยู่ ดังนั้น การที่จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายขณะนั้นจึงเป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของมารดาจำเลยและตัวจำเลยเองแต่การที่จำเลยใช้ไม้ตีที่ศีรษะผู้ตายโดยแรงในขณะที่ผู้ตายเมาสุรา เห็นได้ว่าขณะนั้นผู้ตายไม่มีสภาพทางร่างกายที่จะเป็นอันตรายแก่บุคคลใดได้ และจำเลยในขณะนั้นแข็งแรงกว่าผู้ตายมาก จึงน่าจะมีวิธีการอื่นที่ดีกว่าที่จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายโดยแรงที่ศีรษะจนผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
จำเลยเป็นพี่ชายผู้ตาย ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เหตุที่เกิดคดีนี้ขึ้นก็เนื่องจากผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยจึงเข้าไปช่วยมารดาเพื่อให้พ้นภยันตรายขณะผู้ตายสลบ จำเลยยังมีเจตนาที่จะช่วยผู้ตายโดยจะพาไปส่งโรงพยาบาล แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยอย่างแท้จริงว่าไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย และที่จำเลยตีผู้ตายอีกครั้งหลังจากที่ผู้ตายฟื้นคืนสติขึ้นมาก็น่าจะมีเจตนาทำร้ายไม่ให้ผู้ตายไปก่อเหตุร้ายขึ้นอีกเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5251/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากความโกรธแค้น ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว และพฤติการณ์หลังเกิดเหตุแสดงถึงความไม่สำนึกผิด
ก่อนเกิดเหตุประมาณ7วันโจทก์ร่วมได้ไปแจ้งแก่ผู้ใหญ่บ้านว่าสามีจำเลยใช้ไม้ปาถูกบ้านของโจทก์ร่วมทำให้จำเลยไม่พอใจเมื่อจำเลยพบโจทก์ร่วมในวันเกิดเหตุแล้วถามโจทก์ร่วมได้รับคำยืนยันว่าไปแจ้งแก่ผู้ใหญ่บ้านจริงจำเลยโกรธแค้นโจทก์ร่วมและเข้าทำร้ายโจทก์ร่วมทันทีจำเลยจึงเป็นฝ่ายก่อเหตุและเข้าทำร้ายโจทก์ร่วมแต่เพียงฝ่ายเดียวจำเลยจึงอ้างป้องกันมิได้ ตามสภาพบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับนั้นโจทก์ร่วมต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า30วันเมื่อบาดแผลหายแล้วปรากฎรอยแหว่งที่ปีกจมูกด้านซ้ายเป็นแผลเป็นติดตัวถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4808/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการป้องกันตัว: การรับสารภาพและข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นสู่การพิจารณา
ภายหลังจากจำเลยชกต่อยผู้ตายล้มลงที่พื้นแล้ว จำเลยเข้าไปกระทืบที่ศีรษะและตามลำตัวผู้ตายอย่างรุนแรงและใช้มีดปาดคอผู้ตายด้วย เป็นเหตุให้ผู้ตายมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่งที่สำคัญคือ ม้ามซึ่งอยู่บริเวณช่องท้องแตกมีเลือดตกในช่องท้อง 1,700 ซี.ซี. และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทืบผู้ตายที่บริเวณท้องซึ่งเป็นที่ตั้งอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งขณะทำร้ายจำเลยก็พูดแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายผู้ตายให้ตาย ในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การรับสารภาพฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า
จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตาม ป.อ. มาตรา 68 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้น คดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4808/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง แม้มีการป้องกันตัวเบื้องต้น ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
ภายหลังจากจำเลยชกต่อยผู้ตายล้มลงที่พื้นแล้วจำเลยเข้าไปกระทืบที่ศีรษะและตามลำตัวผู้ตายอย่างรุนแรงและใช้มีดปาดคอผู้ตายด้วยเป็นเหตุให้ผู้ตายมีบาดแปลตามร่างกายหลายแห่งที่สำคัญคือม้ามซึ่งอยู่บริเวณช่องท้องแตกมีเลือดตกในช่องท้อง1,700ซี.ซี.และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทืบผู้ตายที่บริเวณท้องซึ่งเป็นที่ตั้งอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรงอีกทั้งขณะทำร้ายจำเลยก็พูดแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายผู้ตายให้ตายในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การรับสารภาพฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดีพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้นคดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้นฎีกาของจำเลยข้อนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195ประกอบด้วยมาตรา225
of 89