พบผลลัพธ์ทั้งหมด 91 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิผู้อื่นโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อปกป้องบิดาจากทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายซึ่งมีอายุ 30 ปี ทำร้ายบิดาจำเลยซึ่งมีอายุ 50 ปีโดยไม่มีทางสู้กันและผู้ตายกำลังจะกระทืบบิดาจำเลย ซ้ำอีกจำเลยอายุเพียง 16 ปี ใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายเข้าแย่งปืนจากจำเลยจนปืนลั่นอีก 1 นัด เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของบิดาจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การติดตั้งเครื่องป้องกันทรัพย์สินและการกระทำของผู้บุกรุก
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไป ในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้าย ผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การยิงผู้บุกรุกในเวลากลางคืนโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย
จำเลยเคยถูกปล้นบ้านมาก่อน และเมื่อ 20 วันก่อนเกิดเหตุก็มีคนร้ายเข้าบ้านจำเลย คืนเกิดเหตุสามีจำเลยไม่อยู่ จำเลยปิดประตูบ้านซึ่งเป็นร้านค้าเข้านอนอยู่กับเด็ก ๆ เวลาประมาณ 22 นาฬิกาได้ยินเสียงดังกุกกักที่ระเบียงเรือน จึงหยิบปืนเปิดประตูแง้มออกดูเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ อยู่บนระเบียงเรือนคนหนึ่ง และข้างล่างระเบียงเรือนอีกคนหนึ่ง จำเลยถามว่า "ใคร" ได้ยินเสียงตอบว่า "อย่าดัง" จำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงยิงปืนไปยังคนที่อยู่ระเบียง 2 นัด คนทั้งสองหนีไปจำเลยยิงขู่อีก 1 นัด แล้วตะโกนว่า "ช่วยด้วย โจรขึ้นบ้าน" มีชาวบ้านมาและพบผู้ตายนอนตายเพราะถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงอยู่ที่ข้างคูน้ำบริเวณบ้านจำเลย ดังนี้ เป็นกรณีซึ่งมีเหตุทำให้จำเลยเชื่อได้ว่าผู้ตายมีเจตนาจะเข้ามาลักทรัพย์จำเลย เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยสมควรเกินเหตุ การใช้กำลังทำร้ายทรัพย์สินของผู้อื่นจนเสียหาย จำเป็นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและผลกระทบ
ม้าผู้ของโจทก์ตามเข้าไปสัดม้าตัวเมียของจำเลยที่ 1 ที่ใต้ถุนบ้านของจำเลยที่ 1 ม้าจำเลยที่ 1 ขัดขืนและเตะม้าโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ยินยอมด้วยถือได้ว่าเป็นภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉิน การที่จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใช้ไม้ตีม้าของโจทก์โดยจำเลยที่ 1 ขอร้อง นับว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยควรจะใช้ไม้ตีเพียงเท่าที่จะไล่ม้าของโจทก์ออกไปจากเขตบ้านของจำเลยที่ 1 เท่านั้นแต่จำเลยร่วมกันใช้ไม้ตีม้าของโจทก์บาดเจ็บจนถึงตาย จึงเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยทั้งสามต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการกระทำโดยพลาดพลั้งไม่เป็นความผิดอาญา
ผู้ตาย ผู้เสียหาย และจำเลย ร่วมดื่มสุราด้วยกันจนเมาแล้วผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน ผู้เสียหายจึงชวนจำเลยกลับบ้านผู้ตายตามมาต่อยและเตะจำเลยจนล้ม ลุกขึ้นก็ยังถูกเตะอีกเมื่อผู้ตายเตะ จำเลยก็ใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวไปแทงสวนไปสองสามครั้ง ถูกผู้ตาย ระหว่างนั้นผู้เสียหายเข้าขวางเพื่อห้ามจึงถูกมีดได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยต่อผู้ตายเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ แม้จะพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้าด้วย ซึ่งตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา จะถือว่าจำเลยมีเจตนาแทงผู้เสียหายก็ดี แต่การกระทำของจำเลยก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิ พอสมควรแก่เหตุอันไม่เป็นความผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม ผลกระทบต่อความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แม้พลาดไปถูกผู้อื่น
ผู้ตาย ผู้เสียหาย และจำเลย ร่วมดื่มสุราด้วยกันจนเมาแล้วผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน ผู้เสียหายจึงชวนจำเลยกลับบ้าน ผู้ตายตามมาต่อยและเตะจำเลยจนล้ม ลุกขึ้นก็ยังถูกเตะอีก เมื่อผู้ตายเตะ จำเลยก็ใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวไปแทงสวนไปสองสามครั้ง ถูกผู้ตาย ระหว่างนั้นผู้เสียหายเข้าขวางเพื่อห้าม จึงถูกมีดได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยต่อผู้ตายเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ แม้จะพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้าด้วย ซึ่งตามมาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา จะถือว่าจำเลยมีเจตนาแทงผู้เสียหายก็ดี แต่การกระทำของจำเลยก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิ พอสมควรแก่เหตุอันไม่เป็นความผิด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันสิทธิเกินสมควร: การแทงผู้บุกรุกจนถึงแก่ความตาย และการรอการลงโทษ
เมื่อมีเหตุอันสมควรทำให้จำเลยสำคัญผิดว่า ผู้ตายเป็นคนร้ายเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยย่อมกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การใช้กำลังเกินความจำเป็น แม้สำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้าย
เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของจำเลยที่ใต้ถุนเรือน การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน ย่อมเป็นการใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยใช้มีดแทงถูกหลังผู้เสียหาย 4 แผลที่ข้อศอก 1 แผลขณะที่วิ่งไล่ไปทัน โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้ จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ: การกระทำเพื่อปกป้องตนจากภัยอันตรายจากการถูกทำร้าย
จำเลยที่ 2 ด่าจำเลยที่ 1 กับพวกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ พอจำเลยที่ 1ว่า ไม่ควรพูดเช่นนั้น จำเลยที่ 2 ก็ชกจำเลยที่ 1 ก่อน ถูกที่หน้าอก แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกเข้าช่วยกันทำร้ายจำเลยที่ 1 อีก จำเลยที่ 1 ถอยหลังหนีไปติดรั้วสวน ถอนเสาไม้รั้วขึ้นกวัดแกว่งร้องห้ามไม่ให้จำเลยที่ 2 กับพวกเข้าทำร้าย จำเลยที่ 2 กลับคว้าไม้กระโดดเข้าไปจะทำร้าย จึงถูกไม้ของจำเลยที่ 1 ที่ศีรษะเป็นแผลแตกลึกถึงกระโหลกศีรษะ รักษาประมาณ 12 วันหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความรุนแรงเพื่อป้องกันสิทธิและข่มเหงน้ำใจ: การป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ขึ้นไปบนรถจำเลยและพยายามให้ผู้โดยสารซึ่งซื้อตั๋วรถจำเลยแล้วไปโดยสารรถโจทก์ จำเลยขัดขวางมิให้ผู้โดยสารไปกับรถโจทก์โจทก์ใช้มือผลักอกจำเลยและใช้มีดแทงจำเลยใช้มือปัดแขนโจทก์พร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ มีดจึงไม่ถูกจำเลย แล้วจำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ไป 1 ที ถูกที่สีข้างด้านขวาในขณะที่โจทก์เซเอี้ยวไปทางซ้ายการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด