คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ขับขี่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยรถยนต์: ความยินยอมผู้ขับขี่เสมือนผู้เอาประกันภัย
จ.เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลยที่ 3 แม้จะมีข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.3 ว่า บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายก็ตาม แต่กรมธราม์ดังกล่าวข้อ 2.8 ก็มีข้อความว่า บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง จำเลยที่ 2นำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้โดยให้จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของตนเป็นคนขับ แล้วเกิดเหตุคดีนี้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย และมีฐานะเป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเอง เมื่อจำเลยที่ 1 ทำละเมิดและต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยตามสัญญาข้อ 2.8 ซึ่งเป็นข้อตกลงพิเศษ หาได้ขัดกับมาตรา 887 วรรคหนึ่งไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยทางรถยนต์: ความรับผิดของผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอม และข้อยกเว้นตามกรมธรรม์
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่าบริษัทผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายและบริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองเมื่อจำเลยที่2นำรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่3รับประกันภัยไว้ไปใช้โดยให้จำเลยที่1ลูกจ้างของตนเป็นคนขับแล้วเกิดเหตุละเมิดขึ้นต้องถือว่าจำเลยที่1ขับรถโดยความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยและมีฐานะเป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเองจำเลยที่3จึงต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยและหาเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา887วรรคหนึ่งไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยรถยนต์: ผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมของผู้เอาประกันภัยมีฐานะเสมือนผู้เอาประกันภัย ทำให้บริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบ
จ. เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลยที่3แม้จะมีข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ2.3ว่าบริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายก็ตามแต่กรมธรรม์ดังกล่าวข้อ2.8ก็มีข้อความว่าบริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองจำเลยที่2นำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้โดยให้จำเลยที่1ลูกจ้างของตนเป็นคนขับแล้วเกิดเหตุคดีนี้จึงต้องถือว่าจำเลยที่1ขับรถโดยความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยและมีฐานะเป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเองเมื่อจำเลยที่1ทำละเมิดและต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420จำเลยที่3ก็ต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยตามสัญญาข้อ2.8ซึ่งเป็นข้อตกลงพิเศษหาได้ขัดกับมาตรา887วรรคหนึ่งไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5594/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในคดีขับรถชน ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วตามกฎหมายและได้รับสัญญาณไฟเขียว ไม่เป็นความผิด
ขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถมาตามถนนรัชดาภิเษกขาเข้ามุ่งหน้าจะไปห้วยขวางด้วยความเร็วประมาณ70-80กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นการใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอีกทั้งก่อนเกิดเหตุชนกันรถของจำเลยแล่นอยู่ในทางตรงและขณะผ่านสี่แยกที่เกิดเหตุช่องเดินรถของจำเลยได้รับสัญญาณไฟเขียวเมื่อปรากฏว่าชนกับรถของพ. ซึ่งแล่นมาตามถนนรัชดาภิเษกขาออกจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุทธิสารย่อมแสดงว่าพ. เป็นผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงเลี้ยวขวาตรงสี่แยกที่เกิดเหตุตัดหน้ารถจำเลยทำให้ภ. ซึ่งโดยสารมากับรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายดังนี้ผลที่เกิดขึ้นหาได้เป็นผลโดยตรงมาจากการที่จำเลยมิได้ชะลอความเร็วของรถลงแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้ครอบครองทรัพย์สิน: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ไม่ใช่เจ้าของ
ผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดมีสิทธิรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 441 ย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนได้เช่นกัน การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่ ส.ขับ และได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับ ส.ขึ้น สัญญานั้นย่อมมีผลบังคับได้ แม้ส.จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่ขับและย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละแล้วนั้นระงับสิ้นไปตาม มาตรา 852 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่ ส. ขับซึ่งได้ซ่อมรถยนต์ไปแล้วจึงไม่อาจรับช่วงสิทธิ เรียกร้องจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5178/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิด: การพิสูจน์ตัวผู้ขับขี่ในคดีแพ่งเชื่อมโยงคดีอาญา
เมื่อคดีอาญาที่โจทก์ที่1กับพวกฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยที่1กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องด้วยเหตุผลว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อน่าสงสัยว่าจำเลยที่1จะเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่1ศาลในคดีแพ่งที่โจทก์ที่1กับพวกฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองจึงจำต้องวินิจฉัยให้ได้ความชัดว่าจำเลยที่1เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุและเป็นผู้ก่อเหตุละเมิดหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลวินิจฉัยความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายเพื่อกำหนดค่าเสียหายที่ถูกต้อง
ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเลินเล่อหรือไม่และค่าเสียหายมีเพียงใดศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าว. คนขับรถยนต์ของโจทก์ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนกับรถที่จำเลยขับด้วยหรือไม่เพื่อกำหนดค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา443ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา223มาใช้โดยอนุโลมเมื่อเหตุที่เกิดรถชนกันทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายเป็นเพราะว. ประมาทเลินเล่อด้วยซึ่งโจทก์ต้องร่วมรับผิดค่าเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยแม้ศาลมิได้กำหนดประเด็นไว้ว่าว.คนขับรถยนต์ของโจทก์ประมาทเลินเล่อด้วยหรือไม่ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6220/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายและการแบ่งความรับผิดชอบค่าเสียหาย
เมื่อเวลาประมาณ 23 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์เทรลเลอร์บรรทุกรถแทรกเตอร์ตักดินมาจอดเสียอยู่บนถนน โดยล้อด้านขวาล้ำอยู่บนถนนห่างจากขอบถนนด้านซ้ายประมาณ 1.50 เมตร โดยไม่เปิดสัญญาณไฟหรือติดตั้งเครื่องหมายสะท้อนแสงหรือสัญญาณใด ๆ เวลาไล่เลี่ยกัน ส.ขับรถยนต์บรรทุกไม้ยางมาเต็มคันรถแล่นมาในทิศทางเดียวกันด้วยความเร็วสูงชนรถยนต์เทรลเลอร์ที่จำเลยขับมาจอดอยู่โดยแรง เกิดความเสียหายอย่างมาก การที่ ส.ขับรถยนต์-บรรทุกไม้มาในเวลากลางคืน แม้หากจะมีรถวิ่งสวนมาทำให้มองเห็นทางข้างหน้าเพียงประมาณ 5 - 6 เมตร ส.ควรจะลดความเร็วลงจนกว่าจะเห็นว่าอาจขับไปโดยปลอดภัย การที่ ส.ขับรถไปด้วยความเร็วสูง ทำให้เห็นรถยนต์เทรลเลอร์ที่จำเลยเป็นคนขับจอดกีดขวางทางอยู่ข้างทางต่อเมื่ออยู่ในระยะกระชั้นชิด หักหลบไม่ทันและชนกันขึ้น ถือว่า ส.กระทำโดยประมาทเลินเล่อ เหตุชนกันไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยฝ่ายเดียว เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่า ส.กับจำเลยทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่า ๆ กัน ค่าเสียหายจึงย่อมเป็นพับกันไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5953/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะ: จำเลยนั่งซ้อนท้ายรถ ไม่ใช่ผู้ขับขี่ ไม่ต้องรับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์จนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์ จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 437

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5953/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้โดยสารซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์: การฟ้องผิดฐานผู้ขับขี่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ จนโจทก์ได้รับอันตราย บาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลัง เครื่องจักรกลนั้น เมื่อจำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ ชนโจทก์จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะ อันเดินด้วยเครื่องกำลังจักรกลไม่ได้เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครอง รถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
of 19