พบผลลัพธ์ทั้งหมด 157 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบที่ดินขาดตกบกพร่อง ผู้ขายต้องรับผิดชอบตามสัญญาซื้อขาย
ที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์มีเนื้อที่ 85 ตารางวา มิได้มีเนื้อที่ส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตทางหลวง ดังนั้น ที่จำเลยส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์โดยชี้ว่าเขตที่ดินด้านทิศใต้อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวง 7.50 เมตร ตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งความจริงแล้วเขตที่ดินด้านที่อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวงมากกว่าที่จำเลยชี้ อันเป็นผลทำให้ที่ดินที่จำเลยส่งมอบให้แก่โจทก์มีเนื้อที่ขาดไป 30ตารางวา จึงเป็นกรณีที่จำเลยผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่โจทก์ผู้ซื้อขาดตกบกพร่อง ไม่ครบจำนวนตามที่ตกลงซื้อขายกัน โจทก์ผู้ซื้อจึงต้องฟ้องให้จำเลยรับผิดภายใน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่โจทก์ ตามป.พ.พ.มาตรา 467
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7733/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์คลังสินค้าตกเป็นของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเมื่อสัญญาเป็นโมฆะจากเหตุผู้ซื้อผิดสัญญา
สัญญาจะซื้อขายที่ดินที่กำหนดว่าหากสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่มีเหตุอันระงับไปด้วยมิใช่ความผิดของผู้ขายแล้วบรรดาสิ่งก่อสร้างหรือสิ่งอื่นใดอันทำให้ที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้นให้ตกเป็นของผู้ขายทั้งสิ้นมิใช่เป็นการกำหนดเบี้ยปรับหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา379เพราะในกรณีสัญญาจะซื้อขายที่ดินได้ระงับลงด้วยเหตุใดก็ตามที่มิใช่ความผิดของผู้ขายแม้จะมิใช่เป็นความผิดของผู้ซื้อเลยสิ่งก่อสร้างก็ต้องตกเป็นของผู้ขายตามข้อสัญญาดังกล่าวด้วยการที่คลังสินค้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายตามข้อสัญญาจึงหาได้เป็นกรณีเบี้ยปรับสูงเกิดส่วนไม่ บริษัทพ.ผิดสัญญาจะซื้อขายโดยไม่ชำระราคาที่ดินให้แก่ผู้ร้องถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับบริษัทพ.โดยชอบแล้วสัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างผู้ร้องกับบริษัทพ.จึงระงับไปโดยมิใช่ความผิดของผู้ร้องคลังสินค้าส่วนที่สร้างอยู่บนที่ดินมีโฉนดของผู้ร้องย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและกรณีเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินซึ่งให้เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา569ผู้ร้องซื่งเป็นผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าของบริษัทพ.ผู้โอนที่มีต่อจำเลยผู้เช่าด้วยบริษัทพ.ไม่มีสิทธิเรียกร้องการเก็บค่าเช่าคลังสินค้าในส่วนที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินดังกล่าวของผู้ร้องที่จะโอนให้แก่โจทก์ได้ตามฟ้องผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับค่าเช่าจากจำเลยสำหรับคลังสินค้าส่วนที่รับโอนมาตามสัดส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการบอกเลิกสัญญาและการปรับเนื่องจากผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา
สัญญาซื้อขายข้อ 10 มีความว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 9 เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และข้อ 11 มีความว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 10 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญา จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา และริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 9 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 10 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนั้น แม้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะได้เร่งรัดให้ลูกหนี้ส่งมอบสิ่งของอีกก็ตาม แต่ลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างใดเลย จนกระทั่งเจ้าหนี้ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังลูกหนี้แล้ว แม้การที่เจ้าหนี้จะได้แจ้งสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปด้วยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับลูกหนี้เป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากลูกหนี้โดยอาศัยสัญญาซื้อขายข้อ 11ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: ผู้ขายไม่ต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญา หากคาดว่าจะโอนได้ในภายหลัง หากโอนไม่ได้ ผู้ซื้อไม่ถือว่าผิดนัด
สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยตกลงว่าจะชำระเงินตามที่ตกลงกันส่วนโจทก์ตกลงจะขายที่ดินตามสัญญาแต่โจทก์ก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญาหากคาดหมายว่าจะสามารถโอนให้แก่จำเลยได้เมื่อถึงกำหนดเวลาตามสัญญาแต่เมื่อโจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยตามกำหนดได้ไม่ว่ากรณีใดจำเลยก็ไม่เป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา209-211
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขาย: ผู้ขายไม่สามารถโอนได้ ไม่ถือเป็นการผิดนัดของผู้ซื้อ
โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินที่จะขายให้แก่จำเลยตามสัญญาจะซื้อขายไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไรจำเลยก็ไม่ตกเป็นผู้ผิดนัดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ได้มอบให้แก่จำเลยยึดถือไว้คืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มนับเมื่อผู้ขายมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่ใช่แค่อายุการครอบครอง
ที่ดินที่บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์โดยการ ครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นที่ซึ่งบุคคลอื่นมีกรรมสิทธิ์อยู่เมื่อขณะ ซื้อขายผู้ขายมีแต่ สิทธิครอบครองที่พิพาทโดยทางราชการเพิ่งออกโฉนดที่ดินให้ภายหลังระยะเวลาการครอบครองปรปักษ์จึงต้องเริ่มนับเมื่อทางราชการออกโฉนดที่ดินให้เมื่อนับถึงวันยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ไม่เกิน10ปีผู้ร้องจึง ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีลายมือชื่อผู้ขายโดยตรง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท และโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง และแม้ว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินพิพาท โดย ค.ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาแทนจำเลยไป ไม่ว่าจะมีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือหรรือไม่ก็ตามก็ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจฟ้องของโจทก์
ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารมาตรวจสอบประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว
ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารมาตรวจสอบประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายเมื่อผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา และผลของการบอกเลิกสัญญา
จำเลยไม่ปฎิบัติตามสัญญาซื้อขายดินลูกรังข้อ 8 วรรคแรก ที่ว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8วรรคแรกนั้น แต่โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาอีกหลายครั้งและแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดอายุสัญญาจนถึงวันที่โจทก์แจ้งให้ทราบไปชำระแก่โจทก์ตามที่ระบุในสัญญาข้อ 9 วรรคแรก ฝ่ายจำเลยที่ 1 ก็มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ายังเป็นฤดูฝนไม่สามารถส่งดินลูกรังให้ได้ หากส่งได้เมื่อใดจะดำเนินการให้ทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยังมีเจตนาที่จะขายสินค้าให้โจทก์ต่อไปกรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยังให้โอกาสจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังได้อีก หากจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในเวลาที่โจทก์กำหนด ย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ที่จะไม่ถูกริบเงินประกันสัญญาจำนวน35,880 บาท เพราะโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 วรรคสอง เพียงแต่จำเลยที่ 1 จะถูกปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาดินลูกรังที่ยังไม่ได้ส่งมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าเงินประกันสัญญา แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ยอมส่งมอบดินลูกรังที่โจทก์ทวงถามไป โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสาม ซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งค่าปรับ จำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ซื้อในการบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าปรับรายวันเมื่อผู้ขายผิดสัญญาซื้อขาย
จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายดินลูกรัง ข้อ 8 วรรคแรก ที่ว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อ มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรกนั้น แต่โจทก์ ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาอีกหลายครั้งและแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบนับตั้งแต่วันถัดจาก วันครบกำหนดอายุสัญญาจนถึงวันที่โจทก์แจ้งให้ทราบไปชำระ แก่โจทก์ตามที่ระบุในสัญญาข้อ 9 วรรคแรก ฝ่ายจำเลยที่ 1 ก็มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ายังเป็นฤดูฝนไม่สามารถส่ง ดินลูกรังให้ได้ หากส่งได้เมื่อใดจะดำเนินการให้ทันที แสดงว่า จำเลยที่ 1 ยังมีเจตนาที่จะขายสินค้าให้โจทก์ต่อไป กรณีจึง เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยังให้โอกาสจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังได้อีกหากจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในเวลาที่โจทก์กำหนด ย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ที่จะไม่ถูกริบเงินประกันสัญญาจำนวน 35,880 บาท เพราะโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 วรรคสอง เพียงแต่จำเลยที่ 1จะถูกปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาดินลูกรังที่ยังไม่ได้ส่งมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกเท่านั้นซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าเงินประกันสัญญา แต่เมื่อจำเลยที่ 1ไม่ยอมส่งมอบดินลูกรังที่โจทก์ทวงถามไป โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสาม ซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าปรับ จำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3889/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องเบี้ยปรับรายวัน ผู้ซื้อต้องเลือกใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตามสัญญาข้อ 8 กำหนดว่า ในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ส่วนตามสัญญาข้อ 9กำหนดว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบได้ นับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนกว่าผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันกับเรียกให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อให้โจทก์ โดยโจทก์มิได้ใช้สิทธิปรับเป็นรายวันก่อนบอกเลิกสัญญา แม้โจทก์จะสงวนสิทธิการเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 9 ไว้ท้ายหนังสือบอกเลิกสัญญา ก็หามีผลเป็นการใช้สิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันแล้วไม่ จึงเป็นกรณีบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับเป็นรายวันจากจำเลย