พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว, การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกหลังสิทธิเดิมระงับ, ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องต้องยกขึ้นในชั้นต้น
สามีเช่าเคหะ เมื่อสามีตาย ภริยาซึ่งอยู่ร่วมกันเช่าเป็นเคหะต่อไปดังนี้ เมือบุตรเลี้ยงซึ่งเป็นผู้อาศัยแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการครอบครองเคหะ ภริยาหรือมารดาเลี้ยงนั้นฟ้องขับไล่ได้
ข้ออ้างที่ว่าโจทก์มิได้บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้น จึงมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตายก็ย่อมระงับไปไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท.
ข้ออ้างที่ว่าโจทก์มิได้บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้น จึงมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตายก็ย่อมระงับไปไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ ๆ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณ คืออยู่ในที่น้ำท่วมถึง แต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์ เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ การฟันผู้บุกรุกถึงแก่ความตาย
ฆ่าคนเพื่อป้องกันทรัพย์ เป็นการกระทำผิดกว่าเหตุ มีความผิดตามมาตรา249,53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการยิงผู้บุกรุก ศาลอาศัยคำรับสารภาพชั้นสอบสวน
คดีฟังเป็นยุติว่าจำเลยยิงผู้ตาย ตาย แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พะยานขณะจำเลยยิงผู้ตาย คงมีคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนว่าผู้ตายเป็นฝ่ายบุกรุกขึ้นไปจะทำร้ายจำเลยถึงบนเรือนในเวลาค่ำคืน จำเลยจึงยิงผู้ตายตาย และพยานแวดล้อมกรณีเห็นจำเลยตอนหามศพผู้ตายดังนี้ แม้ชั้นพิจารณาจำเลยจะไม่ได้ต่อสู้และนำสืบว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวก็ดี เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พะยานและคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนก็เป็นพะยานหลักฐานของโจทก์เองอยู่แล้ว จึงฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยนั้นว่าจำเลยยิงผู้ตายตายเพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อปรากฎว่า(ตามคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวน)ยิงผู้ตายสองนัด ผู้ตายล้มลงแล้วยังยิงซ้ำอีกดังนี้ เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกหลังสิ้นสุดสัญญาเช่าเดิม แม้มิได้เป็นผู้จัดการมรดก
ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์และบิดาโจทก์ได้ร่วมกันเช่าที่พิพาทมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและจำเลยไม่ได้เช่าช่วงที่พิพาทจากบิดาโจทก์ บิดา โจทก์ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าให้จำเลยอาศัยโจทก์ไม่ได้ทักท้วงต้องถือว่าโจทก์ยินยอมด้วย ต่อมาบิดาโจทก์ตาย โจทก์ได้บอกให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้วแม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของธิดาโจทก์ ๆ ก็ฟ้องขับไล่จำเลยได้ เพราะจำเลยอยู่ในฐานะอาศัยโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การแทงเพื่อป้องกันภัยจากผู้บุกรุกในเวลากลางคืน
ผู้ตายห้อยโหนลงมาจากหน้าต่างเรือนของจำเลยในเวลาดึกดื่น (ผู้ตายกับพี่สาวจำเลยผูกสมัครรักใคร่กัน) ทั้งเป็นเวลาเดือนมืดและได้ลงมายืนประจันหน้ากับจำเลย พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้ที่ยืนอยู่นั้นเป็นขโมยขึ้นลักทรัพย์และอาจทำร้ายจำเลย และไม่รู้ได้ว่าผู้นั้นไม่มีอาวุธร้ายแรงที่พอจะทำลายชีวิตจำเลยได้
เมื่อจำเลยแทงผู้ที่ยืนประจันหน้าไปเสียก่อน เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน อนึ่งแม้จะแทงโดยแรงโดยอาจแลเห็นผลว่าจะทำให้ผู้นั้นถึงตายได้ก็ตามก็เป็นการกระทำในเวลาฉุกเฉิน จึงไม่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำที่ได้รับยกเว้นอาญาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
เมื่อจำเลยแทงผู้ที่ยืนประจันหน้าไปเสียก่อน เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน อนึ่งแม้จะแทงโดยแรงโดยอาจแลเห็นผลว่าจะทำให้ผู้นั้นถึงตายได้ก็ตามก็เป็นการกระทำในเวลาฉุกเฉิน จึงไม่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำที่ได้รับยกเว้นอาญาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944-945/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ของวัด และการได้มาซึ่งที่ดินของวัดโดยการครอบครอง
เจ้าอาวาสมีอำนาจมอบฉันทะให้ไวยาจักร ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ของวัดได้ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 มาตรา 43
วัดเป็นนิติบุคคลตามป.พ.พ.ม. 72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม ม.70 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 ม.40 วัดก็ถือกรรมสิทธิที่ดินได้ และวัดอาจได้ที่ดินตาม ป.พ.พ.ม. 1382 ( อ้างฎีกาที่ 1253/2481 )
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาด ดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป้าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้น จะเป็นการชอบหรือไม่ และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
วัดเป็นนิติบุคคลตามป.พ.พ.ม. 72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม ม.70 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 ม.40 วัดก็ถือกรรมสิทธิที่ดินได้ และวัดอาจได้ที่ดินตาม ป.พ.พ.ม. 1382 ( อ้างฎีกาที่ 1253/2481 )
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาด ดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป้าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้น จะเป็นการชอบหรือไม่ และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองหลังการเสียชีวิตของคู่ครอง แม้ไม่เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ยังมีสิทธิฟ้องผู้บุกรุกได้
โจทก์ฟ้องว่า สามีโจทก์ซื้อสวนยางมาแล้วโจทก์กับสามีครอบครองตลอดมา สามีโจทก์ตายโจทก์ก็ยังคงครอบครองต่อมารวม10 ปีกว่า บัดนี้จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์จึงขอให้แสดงว่าเป็นที่ของโจทก์ และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องดังนี้ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า โจทก์ไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายประเด็นในข้อโจทก์ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนก็ยังเหลืออยู่ จึงต้องถือว่าโจทก์ยังมีอำนาจฟ้องผู้บุกรุกเข้ามาแย่งสิทธิครอบครองหรือทำให้เสียหายได้อยู่ศาลจะด่วนพิพากษายกฟ้องโดยไม่พิจารณาประเด็นข้อครอบครองเสีย ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและทรัพย์สิน: การใช้กำลังเพื่อตอบโต้ผู้บุกรุกและการพิจารณาเหตุผลสมควรแก่เหตุ
มีคนถอดกลอนเข้าไปในรั้วบ้านสุนัขในบ้านเห่าเจ้าของบ้านตื่นฉายไฟดู เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างต้นไม้ห่างบันไดเรือนราว 1 ศอก เจ้าของบ้านร้องถาม 2คำชายนั้นกลับวิ่งหนีเจ้าของบ้านวิ่งตาม และร้องขโมยพอถึงกอกล้วยชายนั้นเอาไม้ไผ่พุ่งใส่เจ้าของบ้านเจ้าของบ้านจึงพุ่งหอกไปที่ชายนั้นปรากฏว่าชายนั้นเป็นคนโรคเรื้อนและโรคบุรุษจมูกโหว่ หากินทางรับจ้างเลี้ยงโค และถึงแก่ความตายในคืนนั้นเพราะป่วยมาก่อนประกอบกับถูกทำร้ายดังนี้ ถือได้ว่า การกระทำของเจ้าของบ้านเป็นการป้องกันตัว และทรัพย์สินพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันทรัพย์เกินสมควร: การใช้ปืนยิงผู้บุกรุกทำลายทรัพย์สิน
จำเลยใช้ปืนยิงคนร้ายที่กำลังฟันถากเปลือกต้นยาพาราในสวนของจำเลยในเวลากลางคืน กระสุนปืนถูกคนร้ายตายไป 1 คน นั้นเป็นการกระทำป้องกันทรัพย์ แต่เกินสมควรแก่เหตุ.