คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้มีส่วนได้เสีย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6606/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการยื่นคำร้องขอให้งดบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการบังคับคดี
โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 128 ของจำเลยที่ 1 ที่จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาด ผู้ร้องทั้งสี่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 57274 ซึ่งเดิมคือที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 128และได้ฟ้องกรมบังคับคดี โจทก์และจำเลยที่ 1 ตลอดจนผู้มีชื่อทางทะเบียนก่อนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสี่เป็นอีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5690/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบังคับตามคำวินิจฉัย คชก. ผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีอำนาจฟ้องได้ตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
คชก.จังหวัดพิจิตรมีคำวินิจฉัยอันถึงที่สุดให้โจทก์เช่าทำนาในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงต่อไปตามเดิมและให้จำเลยขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ในราคา150,000บาทภายใน60วันนับแต่วันที่คชก.จังหวัดพิจิตรมีคำวินิจฉัยดังนี้เมื่อจำเลยไม่ปฎิบัติตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดพิจิตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้ย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดพิจิตรได้ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินการเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา58วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5690/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบังคับตามคำวินิจฉัย คชก. ผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิฟ้องได้ตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคชก.ที่ถึงที่สุดคือไม่ยอมให้โจทก์เช่าทำนาในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงต่อไปตามเดิมและไม่ยอมขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ตามที่คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัยการที่จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอันถึงที่สุดของคชก.จังหวัดทั้งสองกรณีนี้พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา58วรรคหนึ่งบัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้บังคับตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดได้อยู่แล้วโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้ย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5449/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการชำระหนี้เพื่อยกเลิกการล้มละลายของผู้มีส่วนได้เสีย
แม้คำร้องที่ผู้ร้องขอให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยอ้างว่าจำเลยมีทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้อายัดไว้มากกว่าหนี้ของเจ้าหนี้ที่เหลือหลายเท่าตัวผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องถูกเพิกถอนการขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งทำให้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโอนกลับคืนเข้าไปเป็นกองทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยได้ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องได้ขอวางเงินในจำนวนที่เพียงพอแก่การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สิน และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตแล้ว การที่ผู้ร้องซึ่งต้องเสียสิทธิในที่ดินที่ได้รับซื้อฝากเพราะศาลฎีกาได้พิพากษาให้เพิกถอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 116 ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม ก็เพื่อให้ที่ดินเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยเพื่อจัดการแบ่งในระหว่างเจ้าหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา124 หากเจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนแล้ว ผู้คัดค้านที่ 1 ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยต่อไป ตลอดจนไม่ต้องเก็บรวบรวมที่ดินของผู้ร้องที่ถูกเพิกถอนนั้น ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วยในการชำระหนี้จึงชอบที่จะเข้าชำระหนี้นั้นได้แม้จะเป็นการเข้าชำระหนี้โดยขืนใจจำเลยก็ตามตาม ป.พ.พ. มาตรา 314 วรรคสอง เมื่อผู้ร้องเป็นผู้เข้าชำระหนี้ของจำเลยแก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สิน ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะขอให้ศาลยกเลิกการล้มละลายของจำเลยเพราะเหตุที่หนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135 (3) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกตามพินัยกรรม การเพิกถอนพินัยกรรมฉบับก่อน และสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย
พินัยกรรมจะมีผลต่อเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายดังนั้นในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่พินัยกรรมยังไม่มีผลบังคับผู้ทำพินัยกรรมสามารถทำนิติกรรมผูกพันทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรมได้อย่างเต็มที่หากผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตายก่อนทำนิติกรรมสำเร็จทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมย่อมต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ทำพินัยกรรมที่มีต่อทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นโดยผลแห่งกฎหมายอยู่แล้วไม่จำต้องกล่าวถึงพินัยกรรมไว้ในนิติกรรมที่ทำนั้นแต่อย่างใด กฎหมายไม่มีข้อห้ามมิให้ผู้รับมรดกรู้ข้อความในพินัยกรรมล่วงหน้าทั้งไม่มีข้อห้ามญาติใกล้ชิดเป็นพยานในพินัยกรรมฉะนั้นการที่อ. ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้ล่วงรู้ข้อความในพินัยกรรมและน. กับร. ซึ่งเป็นพยานในพินัยกรรมเป็นเพียงญาติใกล้ชิดกับผู้รับพินัยกรรมเท่านั้นมิได้มีส่วนได้เสียในพินัยกรรมจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5274/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้มีส่วนได้เสียในมรดก แม้หย่าแล้ว แต่มีทรัพย์สินร่วมกัน ย่อมมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้
แม้การจดทะเบียนหย่าจะทำให้ผู้คัดค้านที่3มิใช่ทายาทของผู้ตายแต่เมื่อผู้คัดค้านที่3ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันกับผู้ตายผู้คัดค้านที่3จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1713 กฎหมายมิได้บัญญัติบังคับว่าผู้ยื่นคำร้องจะต้องขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกเพียงแต่บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องจะต้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียจึงจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอและจะขอให้ศาลตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกก็ต้องให้ผู้นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4253/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องขอเพิกถอนการบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียต้องเสียหายโดยตรงจากการฝ่าฝืน
จำเลยมิใช่บุคคลที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(3)ดังนั้นวิธีการบังคับคดีที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศนั้นจึงมิได้เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลยแม้จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่ก็ไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับจำนองเมื่อเจ้าของที่ดินบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง – ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี
โจทก์ใช้สิทธิบังคับคดีขับไล่จำเลยให้รื้อถอนตึกแถวพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองตึกแถวดังกล่าวไว้จากจำเลยชอบเพียงที่จะใช้สิทธิเพื่อให้ตนได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289วรรคแรกเท่านั้นผู้ร้องจึงไม่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีเกี่ยวกับตึกแถวพิพาทอันเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนออกไปจากที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7226/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดคดี: ผู้มีส่วนได้เสียแม้ไม่มีข้อพิพาทเดิมก็ร้องสอดได้ เพื่อให้พิจารณาคดีรวมกัน
ในคดีที่ไม่มีข้อพิพาทผู้มีส่วนได้เสียและถูกโต้แย้งสิทธิก็ร้องสอดเข้ามาในคดีได้ เพราะบทบัญญัติเกี่ยวกับการร้องสอด มีความมุ่งหมายทำนองเดียวกับการเข้าเป็นคู่ความร่วม การฟ้องแย้งและการรวมพิจารณานั่นเอง เรื่องราวทั้งหลายที่พิพาทกันนั้นหากมีใครเกี่ยวข้องที่จะต้องพิพาทกันด้วย ก็ควรจะได้พิจารณาไปเสียในคราวเดียวกัน หาจำต้องมีโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดิมอยู่ก่อนเสมอไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7226/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดในคดีไม่มีข้อพิพาท: ผู้มีส่วนได้เสียและถูกโต้แย้งสิทธิสามารถร้องสอดได้
ในคดีไม่มีข้อพิพาทบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียและถูกโต้แย้งสิทธิก็ร้องสอดเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(1)ได้
of 18