พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาขนย้ายกระบือเข้าเขตควบคุม: การพิจารณาความผิดสำเร็จในความผิดฐานพยายาม
จำเลยขนย้ายกระบือโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะ แล้วถูกตำรวจสกัดจับได้ ห่างจากเขตท้องที่อันเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายกระบือตามประกาศของคณะกรรมการ ฯ เป็นระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร และก่อนหน้าจะถึงเขตควบคุม ฯ ยังมีทางแยกไปอำเภออื่นอีกได้ดังนี้ หากถือว่ามีเจตนากระทำผิดก็ห่างไกลต่อความผิดสำเร็จไม่ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิด จัดอยู่ในชั้นเตรียมการเท่านั้นจากพฤติการณ์และเหตุแวดล้อมต่าง ๆ ไม่พอบ่งชี้ว่ามีเจตนากระทำผิดฐานพยายามขนย้ายกระบือเข้าไปในเขตควบคุม ฯ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงขั้นของการกระทำผิดจากพยายามลักทรัพย์เป็นลักทรัพย์สำเร็จ และผลกระทบต่อการรับฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำการลักทรัพย์ยังไม่บรรลุผลเป็นเพียงขั้นพยายามลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7),80ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่ใช่พยายามกระทำผิด แต่คงให้จำคุกเท่าเดิม การที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ในปัญหาเรื่องขั้นของการกระทำผิดว่ายังอยู่ในขั้นพยายามหรือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วโดยไม่ได้แก้โทษเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเพื่อเรียกทรัพย์สิน แม้ผู้เสียหายปฏิเสธ ก็ถือเป็นความพยายามกรรโชก
จำเลยที่ 1 กับ ส. เข้าไปในร้านของผู้เสียหาย ส. พูดกับผู้เสียหายว่าขอเงิน 100 บาท จะเอาไปซ่อมปืน ผู้เสียหายตอบว่าไม่มี ส. พูดว่าให้คิดให้ดี ๆ ชีวิตผู้เสียหายสำคัญกว่า พวกของ ส. มีมาก และชี้ให้ดูพวกที่ยืนอยู่ที่ถนนนอกร้านประมาณ 20 คน พอดีมีคนเข้ามาในร้าน ผู้เสียหายจึงถือโอกาสหลบหนีไป ต่อมาอีก 2 วัน จำเลยที่ 1ถือจดหมายของ ส. มาอ่านให้ผู้เสียหายฟังว่าต้องการเงิน 500 บาทผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 1 ว่า เย็นนี้รู้กัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไปที่ร้านผู้เสียหายอีกและถูกตำรวจจับได้ การที่ผู้เสียหายตอบจำเลยที่ 1 ว่าไม่มีเงิน ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นคำตอบปฏิเสธว่าไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยที่ 1 กับพวกตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกขู่เข็ญข่มขืนใจ การกระทำของจำเลยที่ 1 อยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดฐานกรรโชก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดพยายามขนสินค้าออกนอกราชอาณาจักร และการโยงมาตรากฎหมายเพื่อกำหนดโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพยายามขนสินค้าผ่านเขตแดนทางบกออกนอกราชอาณาจักรเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชานอกทางอนุมัติแต่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ขัดขวางจับกุมเสียก่อน ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 5อันมีบทลงโทษตามมาตรา 10 มาตรา 10 นี้ บัญญัติว่าผู้ฝ่าฝืนมาตรา 5 ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 จึงเห็นได้ว่ามาตรา 10ดังกล่าวนั้นโยงไปให้เอาโทษในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469มาตรา 27 มาใช้บังคับ เมื่อจำเลยกระทำผิดโดยฝ่าฝืนมาตรา 5, 10แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) ซึ่งการพยายามกระทำความผิดตามมาตรา 5 ก็มีโทษเช่นเดียวกับการกระทำผิดสำเร็จ ศาลก็ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ได้เต็มตามที่ มาตรา 10ให้โยงมาใช้ แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาด้วยก็จะถือว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเพียงฐานพยายาม คือสองในสามของโทษสำหรับความผิดสำเร็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามทำร้ายผู้อื่น vs. พยายามฆ่า: การประเมินอันตรายที่เกิดจากการกระทำที่เสี่ยง
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวงมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลบไปจนเกือบตกถนนนั้น หากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ เห็นผลได้ชัดว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และไม่จำต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขน หรือ 1 เมตร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหายๆก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนนอีกราว 1 ศอก ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้ เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งอยู่ภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,80
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ การกระทำที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ไม่สำเร็จ
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวงมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลบไปจนเกือบตกถนนนั้น.หากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า. ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ. เห็นผลได้ชัดว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต. ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น. และไม่จำต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่. แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขนหรือ 1 เมตร. ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหายๆก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง. ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนนอีกราว 1ศอก. ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด. จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้.เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งอยู่ภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย. แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บ. ซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้. จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,80.
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358. การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท. ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย. แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว.และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก. จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้.
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358. การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท. ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย. แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว.และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก. จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักรถยนต์สำเร็จ แม้เครื่องยนต์ไม่ติด: การเคลื่อนย้ายรถถือเป็นความผิดสำเร็จ
คนร้าย 3 คนร่วมกันลักรถยนต์จิ๊ป โดยคนหนึ่งทำหน้าที่ขับรถ กำลังต่อสายไฟให้เครืองยนต์ติด อีกสองคนช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องยนต์ติด รถเคลื่อนไป 3 เมตร แต่เครื่องยนต์ไม่ติด และเจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดเสียก่อน ดังนี้ ถือได้ว่าคนร้ายนำรถยนต์เคลื่อนที่ไปแล้ว พ้นชั้นพยายาม เป็นความผิดสำเร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์สำเร็จ แม้รถเคลื่อนที่เพียง 3 เมตร และเครื่องยนต์ยังไม่ติด
คนร้าย 3 คนร่วมกันลักรถยนต์จี๊ป โดยคนหนึ่งทำหน้าที่ขับรถ กำลังต่อสายไฟให้เครื่องยนต์ติด อีกสองคนช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องยนต์ติด รถเคลื่อนไป 3 เมตร แต่เครื่องยนต์ไม่ติด และเจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดเสียก่อน ดังนี้ ถือได้ว่าคนร้ายนำรถยนต์เคลื่อนที่ไปแล้ว พ้นขั้นพยายาม เป็นความผิดสำเร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามทำร้ายร่างกายต้องพิจารณาผลของการกระทำ หากไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ถือเป็นลหุโทษไม่ต้องรับโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเท่าซึ่งสวมรองเท้าเงื้อจะถีบผู้เสียหาย แต่ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าถ้าจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วจะเกิดผลอย่างไร ผลธรรมดาอันจะเกิดขึ้นเพราะการถีบจะทำให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือไม่ ไม่อาจเล็งเห็นได้ หากจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วผลที่เกิดไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจแล้ว ความผิดนั้นก็เป็นเพียงลหุโทษ ผู้พยายามกระทำความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามกระทำให้ผู้เสียหายเกิดอันตรายแก่กายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
การใช้เท้าเงื้อจะถีบไม่เป็นอันตรายต่อจิตใจเพราะอันตรายต่อจิตใจนั้น ต้องเป็นผลจากการทำร้าย แต่ความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เจ็บใจ แค้นใจ เหล่านี้เป็นอารมย์ หาใช่เป็นอันตรายต่อจิตใจไม่.
การใช้เท้าเงื้อจะถีบไม่เป็นอันตรายต่อจิตใจเพราะอันตรายต่อจิตใจนั้น ต้องเป็นผลจากการทำร้าย แต่ความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เจ็บใจ แค้นใจ เหล่านี้เป็นอารมย์ หาใช่เป็นอันตรายต่อจิตใจไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ vs. เสรีภาพ: การลงโทษฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพ แม้ไม่มีเจตนาชิงทรัพย์
ฟ้องอ้างบทลงโทษมาตรา 339 ฐานชิงทรัพย์โดยบรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยใช้มีดบังคับข่มขืนใจให้ผู้เสียหายขับรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในถนนสุขาภิบาล 1 และขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้มีดแทงทำร้ายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์และผู้เสียหายยังไม่ทันได้กระทำตามที่ถูกข่มขู่ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานพยายามทำผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 ประกอบด้วยมาตรา 80 ได้ (นัยฎีกาที่ 1683/2500)