คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พระภิกษุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนอธิกรณ์ของพระภิกษุ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 จะบัญญัติให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาก็ดี ก็มีแต่เพียงอำนาจสอบสวนอธิกรณ์และสั่งลงโทษพระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น หามีอำนาจรับแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาไม่ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอำนาจตัวแทนจัดการศาสนสมบัติของวัด และขอบเขตการตีความคำว่า 'พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง'
คำว่า "พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง" ในมาตรา 26 แห่งสังฆาณัติระเบียบพระคณาธิการ พ.ศ.2486 ย่อมหมายความรวมถึงพระภิกษุในวัดอื่นด้วย
ระเบียบว่าด้วยการจัดการศาสนสมบัติของวัดตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 จะต้องเป็นระเบียบตามมาตรา 49 ระเบียบเกี่ยวกับการที่วัดต่างๆ จะถอนการจัดการดังกล่าว นอกจากไม่ใช่ระเบียบซึ่งมีมาแต่เดิม และยังไม่ใช่ระเบียบที่ได้ตราขึ้นตามมาตรา 49 ดังนี้ การที่วัดโจทก์ถอนกรมการศาสนาจากการเป็นตัวแทนโดยไม่ขออนุมัติคณะสงฆมนตรี ก็เป็นการเพิกถอนที่ใช้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 827

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นซึ่งหน้าพระภิกษุ แม้ไม่ได้กล่าวต่อหน้า หากผู้ถูกดูหมิ่นได้ยิน ก็เป็นความผิดตามกฎหมาย
จำเลยลงบันไดกุฎิเดินไปราว 9-10 วา แล้วพูดว่า "ถ้าไม่เห็นแก่ผ้าเหลืองหรือไม่ใช่พระ จะเตะให้ตกกุฏิให้หมดเลย" จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่พระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน แม้จะไม่ได้กล่าวต่อหน้าแต่พระภิกษุซึ่งถูกกล่าวนั้นได้ยินถ้อยคำที่จำเลยกล่าว ก็เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นพระภิกษุด้วยถ้อยคำข่มขู่ แม้ไม่ได้กล่าวต่อหน้า ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยลงบันไดกุฏิเดินไปราว 9-10 วา แล้วพูดว่า "ถ้าไม่เห็นแก่ผ้าเหลืองหรือไม่ใช่พระ จะเตะให้ตกกุฏิให้หมดเลย" จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่พระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน แม้จะไม่ได้กล่าวต่อหน้า แต่พระภิกษุซึ่งถูกกล่าวนั้นได้ยินถ้อยคำที่จำเลยกล่าวก็เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003-2005/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฐานความผิดของพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสในฐานะเจ้าพนักงาน
การที่ พ.ร.บ. คณะสงฆ์บัญญัติไว้ว่า พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามบทแห่ง พ.ร.บ.นี้ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญานั้น บ่งชัดถึงอำนาจและหน้าที่ กล่าวคือ เมือมีอำนาจในวัดเหมือนกับเจ้าพนักงานแล้ว หากกระทำผิดในหน้าที่ก็จะต้องเป็นผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำความผิดด้วย
การลดโทษ ที่มีเหตุอันเข้าลักษณะทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่นั้น เมือได้ทำผิดขณะใช้กฎหมายเก่า ก็ควรอ้างกฎหมายเก่า คือ ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา 59 เป็นเหตุลดโทษ.
( ตามแบบอย่างฎีกา ที่ 1879/2500 )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยศาล แม้โจทก์มิได้ฟ้องแบ่งโดยตรง และข้อยกเว้นสำหรับพระภิกษุ
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินและเรือนจากจำเลยโดยอ้างว่ามรดกยกให้โจทก์แต่ผู้เดียว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นมรดกของผู้ตายตกได้แก่โจทก์และจำเลย ดังนี้ ศาลก็อาจพิพากษาให้โจทก์รับส่วนแบ่งไปได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142 ส่วนข้อที่ผู้ส่วนควรได้มรดกจะมีอยู่นั้นก็เป็นเรื่องของผู้นั้นจะต้องร้องขอเข้ามาเอง หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1622 เป็นบทบัญญัติห้ามมิให้พระภิกษุเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรม แต่ถ้าพระภิกษุถูกฟ้องเป็นจำเลยแล้ว ศาล พิพากษาให้พระภิกษุได้รับส่วนแบ่งมรดกด้วย ก็ไม่เป็นการขัดหับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1622

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มรดกของพระภิกษุตกเป็นของวัด แม้ทายาทครอบครองเกิน 10 ปี ก็อ้างไม่ได้
พระภิกษุถึงมรณะภาพในขณะที่เป็นพระภิกษุอยู่ โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร มรดกของพระภิกษุนั้นย่อมตกได้แก่วัดที่พระภิกษุนั้นอยู่ แม้ทายาทจะครอบครองที่ดินมรดกของพระภิกษุนั้นเกิน 10 ปี นับแต่วันมรณภาพทายาทนั้นก็จะเอาที่ดินมรดกนั้นไม่ได้ เพราะที่ดินมรดกนั้นเป็นของวัด จะใช้อายุความ 10 ปียันวัดให้เสียสิทธิหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มรดกพระภิกษุ: ตกเป็นของวัด แม้ครอบครองนานเกิน 10 ปี ก็มิอาจอ้างกรรมสิทธิ์ได้
พระภิกษุถึงมรณภาพในขณะที่เป็นพระภิกษุอยู่ โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร มรดกของพระภิกษุนั้นย่อมตกได้แก่วัดที่พระภิกษุนั้นอยู่ แม้ทายาทจะครอบครองที่ดินมรดกของพระภิกษุนั้นเกิน 10 ปีนับแต่วันมรณภาพทายาทนั้นก็จะเอาที่ดินมรดกนั้นไม่ได้ เพราะที่ดินมรดกนั้นเป็นของวัด จะใช้อายุความ 10 ปียันวัดให้เสียสิทธิหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของพระภิกษุในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ และขอบเขตของระเบียบวิธีพิจารณาอธิกรณ์
ประมวลระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ พ.ศ.2486 นั้น เป็นเพียงระเบียบการทางพระวินัย ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.สงฆ์ 2484 มาตรา 51 มิได้ บัญญัติให้ถือว่าระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ที่ออกตาม พ.ร.บ.เป็นกฎหมาย จึงย่อมถือได้เพียงว่า เป็นระเบียบการที่ออกตาม พ.ร.บ.เท่านั้น ฉะนั้นพระภิกษุในฐานะเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้ที่ทำร้ายบุตรของตนในทางอาญาได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.5(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของพระภิกษุในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรม
ประมวลระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ พ.ศ.2486 นั้นเป็นเพียงระเบียบการทางพระวินัย ซึ่งออกตาม พระราชบัญญัติสงฆ์2484 มาตรา 51มิได้บัญญัติให้ถือว่าระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ที่ออกตามพระราชบัญญัติเป็นกฎหมายจึงย่อมถือได้เพียงว่า เป็นระเบียบการที่ออกตาม พระราชบัญญัติเท่านั้นฉะนั้นพระภิกษุในฐานะเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้ที่ทำร้ายบุตรของตนในทางอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1)
of 6