พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนกรรมสิทธิที่ดินสวน: เลือกใช้มาตรา 1382 แทนมาตรา 1375
ที่ดินเป็นที่สวนนั้นเป็นที่ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ จะนำมาตรา 1375 ป.ม.แพ่งฯ มาบังคับไม่ได้ เพราะมาตรา 1375 เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ที่มีสิทธิครอบครองคืน คดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ซึ่งมีกรรมสิทธิคืน ซึ่งต้องบังคับตามมาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสวน ต้องใช้มาตรา 1382 ไม่ใช่ 1375
ที่ดินเป็นที่สวนนั้นเป็นที่ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ์จะนำมาตรา 1375 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับไม่ได้ เพราะมาตรา 1375 เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ที่มีสิทธิครอบครองคืนคดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ซึ่งมีกรรมสิทธิ์คืน ซึ่งต้องบังคับตามมาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในที่ดินจากการไถ่คืน แม้สัญญาไม่สมบูรณ์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน
ซื้อที่นามือเปล่ามาครอบครอง 7-8 ปีแล้ว ภายหลังขายคืนให้เจ้าของเดิม ดังนี้ ถือว่าสละสิทธิในที่นานั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1377 แม้การขายคืนจะทำไม่ถูกแบบก็ฟ้องเรียกคืนจากเจ้าของเดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองที่ดินมือเปล่าและการสละเจตนาครอบครองมีผลต่อการฟ้องเรียกคืน
ที่นามือเปล่านั้นผู้ยึดถือมีเพียงสิทธิครอบครอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375,1377, ใช้บังคับแก่ทรัพย์สินทั่วไป ไม่ว่าเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ใช้บังคับได้เฉพาะทรัพย์ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ จะใช้แก่ทรัพย์ซึ่งเจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครองไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375,1377, ใช้บังคับแก่ทรัพย์สินทั่วไป ไม่ว่าเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ใช้บังคับได้เฉพาะทรัพย์ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ จะใช้แก่ทรัพย์ซึ่งเจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครองไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินเป็นอันสิ้นสุดแล้ว ห้ามฟ้องเรียกคืน แม้จะอ้างสิทธิเดิม
จำเลยเคยฟ้องโจทก์เรียกที่ดินรายพิพาท ศาลตัดสินให้จำเลยชนะโดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิในที่รายนี้คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยเรียกที่ดินคืนโดยอ้างว่าตนมีสิทธิอยู่ดังเดิมนั้นมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องเรียกเงินค่าภาษีคืนเมื่ออธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้คำชี้ขาดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด
อธิบดีกรมสรรพากรไม่ให้คำชี้ขาดภายในเวลาอันสมควร ผู้รับประเมินยื่นฟ้องเรียกเงินค่าภาษีคืนต่อศาลได้
กรณีที่ศาลสั่งให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา
กรณีที่ศาลสั่งให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4656/2566
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการสั่งให้เป็นคนสาบสูญต่อสิทธิในทรัพย์สินและการนับอายุความฟ้องเรียกคืน
ตามบทบัญญัติมาตรา 62 ป.พ.พ. การที่ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์เป็นคนสาบสูญถือว่าโจทก์ถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่โจทก์ได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่โดยไม่มีใครรู้แน่ว่าโจทก์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และโดยผลของมาตรา 1602 ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกของโจทก์ย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า ม. ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของโจทก์ได้กระทำไปโดยไม่สุจริต ที่ดินพิพาทย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ ม. ทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ม. จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยผลของกฎหมายนับแต่นั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์การครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ซึ่งต้องเป็นการครอบครองปรปักษ์ทรัพย์สินของผู้อื่น จำเลยที่ 2 จะอ้างว่า ม. ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หาได้ไม่
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ การฟ้องเรียกทรัพย์คืนฐานลาภมิควรได้ ซึ่งโจทก์ฟ้องพ้นปีหนึ่งนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนหรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 419 ประกอบมาตรา 63 หรือไม่ นั้น โดยผลของมาตรา 62 บุคคลซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญให้ถือว่าถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 61 แม้โจทก์จะกลับมาเมื่อปี 2557 และทราบว่า ม. ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของ ม. ไปแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งถอนคำสั่งให้โจทก์เป็นคนสาบสูญก็ต้องถือว่าโจทก์ยังเป็นบุคคลที่ถึงแก่ความตายไม่อาจใช้สิทธิใด ๆ ตามกฎหมายได้ เมื่อปรากฏว่าศาลเพิ่งมีคำสั่งถอนคำสั่งให้โจทก์เป็นคนสาบสูญเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ซึ่งมีผลทำให้โจทก์กลับเป็นบุคคลผู้มีสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งสิทธิในการใช้สิทธิทางศาลได้ดังเดิม จึงต้องถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกที่ดินพิพาทคืน อายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 419 จึงต้องเริ่มนับแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 22 มิถุนายน 2563 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ การฟ้องเรียกทรัพย์คืนฐานลาภมิควรได้ ซึ่งโจทก์ฟ้องพ้นปีหนึ่งนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนหรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 419 ประกอบมาตรา 63 หรือไม่ นั้น โดยผลของมาตรา 62 บุคคลซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญให้ถือว่าถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 61 แม้โจทก์จะกลับมาเมื่อปี 2557 และทราบว่า ม. ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของ ม. ไปแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งถอนคำสั่งให้โจทก์เป็นคนสาบสูญก็ต้องถือว่าโจทก์ยังเป็นบุคคลที่ถึงแก่ความตายไม่อาจใช้สิทธิใด ๆ ตามกฎหมายได้ เมื่อปรากฏว่าศาลเพิ่งมีคำสั่งถอนคำสั่งให้โจทก์เป็นคนสาบสูญเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ซึ่งมีผลทำให้โจทก์กลับเป็นบุคคลผู้มีสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งสิทธิในการใช้สิทธิทางศาลได้ดังเดิม จึงต้องถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกที่ดินพิพาทคืน อายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 419 จึงต้องเริ่มนับแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 22 มิถุนายน 2563 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ