พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ทำโดยสามีเกี่ยวกับสินบริคณห์ของภรรยา
สามีโจทก์และสามีจำเลยได้ตกลงทำบันทึกกันยอมให้ฝ่ายจำเลยไถ่นาพิพาทคืนจากโจทก์ได้ในราคา 5,200 บาท บันทึกนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 851 และที่ดินพิพาทเป็นสินบริคณห์ ย่อมอยู่ในอำนาจสามีโจทก์ที่จะจัดการสินบริคณห์ รวมทั้งจำหน่ายได้ด้วยตามมาตรา 1468, 1472 เดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่สามีโจทก์ทำไว้ โดยต้องยอมให้จำเลยไถ่ถอนคืนตามสัญญานั้น จะปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ภาษีอากร: ภรรยาไม่สามารถอุทธรณ์แทนสามีผู้ป่วยได้ แม้สามีจะใช้สิทธิไม่ได้
ผู้ต้องเสียภาษีป่วย ไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลเพื่ออุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่วินิจฉัยให้ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นภรรยาจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ดังนี้ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามประมวลรัษฎากรเพราะผู้ร้องไม่ใช่ผู้ต้องเสียภาษีอากร และการที่ผู้ร้องขอใช้สิทธิทางศาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและโมฆะ: สิทธิของภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีการสมรสซ้ำ
ป. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25เมษายน 2495 ต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์เมื่อวันที่15 ธันวาคม 2503 และจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2507 วันที่ 24 มิถุนายน 2507ป. จดทะเบียนหย่ากับจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาวันที่ 5สิงหาคม 2507 ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 อีก และหลังจากนั้นคือวันที่ 30 ตุลาคม 2507 โจทก์กับ ป.จึงได้จดทะเบียนสมรสกันซ้ำอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 1เมษายน 2519 ป. ถึงแก่กรรมเช่นนี้การจดทะเบียนสมรสระหว่าง ป. กับโจทก์ครั้งแรกและระหว่าง ป. กับจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445(3) เพราะในขณะนั้น ป. เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 สำหรับจำเลยที่ 1 แม้จะปรากฏว่าได้จดทะเบียนหย่ากับ ป. ทำให้การสมรสขาดลง แต่ต่อมาก็ได้จดทะเบียนสมรสกันใหม่โดยสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการสมรสระหว่าง ป. กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้เป็นโมฆะมาตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนสมรสแล้ว การที่โจทก์มาจดทะเบียนสมรสกับ ป. ครั้งหลังอีกจึงเป็นโมฆะเพราะขณะนั้น ป. เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงเป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียวของ ป. มีอำนาจฟ้องขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับ ป. เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เหตุอันควรและความเจตนาเพื่อคืนดีกับภรรยาโดยพฤตินัย
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยบุตรีผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาโดยพฤตินัยของจำเลยนัดให้ไปพบ ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันควร และแม้เมื่อผู้เสียหายได้ไล่จำเลยให้ออกไป แต่จำเลยไม่ยอมออกทั้งนี้ เพื่อขอร้องภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาดังเดิมดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสหลังหย่าขาดจากกัน ภรรยามีสิทธิได้ส่วนแบ่ง
ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นสามีภรรยากันก่อนใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง บรรพ 5 เมื่อหย่าขาดจากกัน โจทก์ในฐานะภรรยาย่อมมีสิทธิที่จะได้แบ่งสินสมรสหนึ่งในสามตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย
ฎีกาของจำเลยในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ฎีกาของจำเลยในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดียึดทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาที่เป็นหนี้ร่วม ศาลฎีกาตัดสินว่าโจทก์ไม่มีอำนาจยึด
สินส่วนตัวของภรรยาไม่ใช่ทรัพย์สินที่เป็นของภรรยา ซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 282 วรรคท้าย
โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย ผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ แม้หนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ร้อง โจทก์ก็ไม่มีอำนาจยึดที่พิพาท ซึ่งเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1039/2492)
โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย ผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ แม้หนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ร้อง โจทก์ก็ไม่มีอำนาจยึดที่พิพาท ซึ่งเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1039/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาชำระหนี้สามี: ศาลฎีกาคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัว แม้เป็นหนี้ร่วม
สินส่วนตัวของภรรยาไม่ใช่ทรัพย์สินที่เป็นของภรรยาซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 282 วรรคท้าย
โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย ผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาชองโจทก์ แม้หนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ร้องโจทก์ก็ไม่มีอำนาจยึดที่พิพาทซึ่งเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1039/2492)
โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย ผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาชองโจทก์ แม้หนี้ที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ร้องโจทก์ก็ไม่มีอำนาจยึดที่พิพาทซึ่งเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1039/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสินสมรส: ภรรยาต้องรับผิดชอบหนี้ที่สามีทำขึ้นระหว่างสมรส หากภรรยามีส่วนรู้เห็นและได้รับประโยชน์จากหนี้นั้น
ผู้ร้องรู้เห็นในการที่จำเลยซึ่งเป็นสามีผู้ร้องเข้าเป็นกรรมการสหกรณ์โจทก์รับดำเนินงานจัดซื้อข้าวโพด โดยมีรายได้จากโจทก์วันละ 30 บาท ผู้ร้องเคยพาผู้อื่นไปขายข้าวโพดกับโจทก์ จึงมีส่วนช่วยในการดำเนินงานดังกล่าวหารายได้จุนเจือครอบครัว หนี้ตามคำพิพากษาเป็นค่าเสียหายเกิดจากจำเลยดำเนินงานดังกล่าวและประพฤติผิดสัญญาต่อโจทก์เป็นหนี้ที่จำเลยก่อขึ้นในระหว่างสมรส ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องเป็นลูกหนี้ร่วมกันผู้ร้องต้องร่วมรับผิด จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนตามคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีการลักลอบคบหาก่อนจดทะเบียนสมรส และผลกระทบต่อสิทธิในทรัพย์มรดก
หญิงชายลอบได้เสียกันจนเกิดบุตร ไม่แสดงว่าชายจะเลี้ยงดูหญิงเป็นภริยาและไม่ได้แสดงออกต่อคนทั่วไปว่าอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ไม่เป็นภริยาชายตามกฎหมายลักษณะผัวเมียก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต่อมาชายจดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่น เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นทายาท เป็นผู้จัดการมรดกเมื่อชายตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตาย จึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไม จำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุง ปล่อยให้ลูกหุงกินเอง ผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มัน จำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็ไปหยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลย จำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาล ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์คือศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้ แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย