พบผลลัพธ์ทั้งหมด 95 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้หลานเป็นสินสมรสตามสมควรทางศีลธรรม ไม่ต้องมียินยอมจากภริยา
ในคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่รู้เห็นยินยอม และได้เน้นอีกว่าเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทน ไม่ใช่เป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคม จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ เป็นการโต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นปู่ย่าของจำเลยที่ 2 มีที่ดินนอกจากที่พิพาทอีกหลายแปลง มีราคานับล้านบาทที่พิพาทส่วนที่ยกให้เป็นเพียงส่วนน้อย มีราคาไม่มากการยกให้โจทก์ก็ทราบดีและยินยอมอันเป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่จำเป็นให้ความยินยอมเป็นหลักฐาน เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ที่ว่าไม่ได้ให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ทั้งได้อธิบายเกี่ยวกับการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีไว้ชัดแจ้ง จึงเป็นประเด็นแห่งคดี
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่ 1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาท การยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีและไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่ง เป็นภริยา
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่ 1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาท การยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีและไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่ง เป็นภริยา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินสินสมรสให้บุตร/หลานโดยเสน่หา การให้ตามสมควรทางศีลธรรม และอำนาจจำหน่ายสินบริคณห์
ในคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้ว่า การที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่รู้เห็นยินยอม และได้เน้นอีกว่า. เป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทน ไม่ใช่เป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ เป็นการโต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 กับโจทก์ เป็นปู่ย่าของจำเลยที่ 2 มีที่ดินนอกจากที่พิพาทอีกหลายแปลง มีราคานับล้านบาท ที่พิพาทส่วนที่ยกให้เป็นเพียงส่วนน้อย มีราคาไม่มาก การยกให้ โจทก์ก็ทราบดีและยินยอม อันเป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่จำเป็นต้องให้ความยินยอมเป็นหลักฐานเห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ที่ว่า ไม่ได้ให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ทั้งได้อธิบายเกี่ยวกับการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีไว้ชัดแจ้ง จึงเป็นประเด็นแห่งคดี
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาทการยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี และไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยา
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาทการยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี และไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตร ถือเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภรรยา
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็น สามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เองคนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1473(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตรโดยชอบธรรม: การให้ตามสมควรทางศีลธรรมอันดี
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เอง คนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการทำนิติกรรมของผู้อนุบาลในสินบริคณห์: การยกที่ดินให้บุตรโดยเสน่หาไม่ผูกพันส่วนของผู้ไร้ความสามารถ
กรณีภริยาเป็นผู้อนุบาลสามีซึ่งเป็นผู้ไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1457 นั้น มาตรา 1581ไม่ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยความปกครองมาบังคับจึงจะนำมาตรา 1561,1562,1563. ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความปกครองมาบังคับแก่ภริยาซึ่งเป็นผู้อนุบาลสามีหาได้ไม่
ภริยาซึ่งเป็นผู้อนุบาลสามี มีสิทธิทำนิติกรรมขายสินบริคณห์ได้โดยลำพัง หากกระทำไปเพื่อประโยชน์ของสามีตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 710/2490 แต่การที่ภริยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปยกให้แก่บุตรคนหนึ่งโดยเสน่หา มิใช่กระทำไปเพื่อประโยชน์ของสามีแต่อย่างใด ภริยาในฐานะผู้อนุบาลจึงไม่มีสิทธิเอาที่ดินส่วนที่เป็นของสามีไปยกให้แก่บุตรโดยเสน่หาได้ คงมีสิทธิกระทำได้ในฐานะที่เป็นภริยา ซึ่งมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินสินบริคณห์นั้นด้วย โดยมิพักต้องได้รับอนุญาตจากสามี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 39 นิติกรรมการให้ที่ดินโดยเสน่หาดังกล่าว จึงผูกพันส่วนที่เป็นของภริยา แต่ไม่ผูกพันส่วนของสามี เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าที่ดินสินบริคณห์นั้น สามีกับภริยามีส่วนคนละเท่าใด และภริยาก็ทำนิติกรรมให้บุตรมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับสามีอันมีผลเท่ากับภริยายอมสละส่วนของตนให้แก่บุตรเท่านั้น นิติกรรมรายนี้จึงไม่เป็นโมฆะ
ภริยาซึ่งเป็นผู้อนุบาลสามี มีสิทธิทำนิติกรรมขายสินบริคณห์ได้โดยลำพัง หากกระทำไปเพื่อประโยชน์ของสามีตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 710/2490 แต่การที่ภริยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปยกให้แก่บุตรคนหนึ่งโดยเสน่หา มิใช่กระทำไปเพื่อประโยชน์ของสามีแต่อย่างใด ภริยาในฐานะผู้อนุบาลจึงไม่มีสิทธิเอาที่ดินส่วนที่เป็นของสามีไปยกให้แก่บุตรโดยเสน่หาได้ คงมีสิทธิกระทำได้ในฐานะที่เป็นภริยา ซึ่งมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินสินบริคณห์นั้นด้วย โดยมิพักต้องได้รับอนุญาตจากสามี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 39 นิติกรรมการให้ที่ดินโดยเสน่หาดังกล่าว จึงผูกพันส่วนที่เป็นของภริยา แต่ไม่ผูกพันส่วนของสามี เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าที่ดินสินบริคณห์นั้น สามีกับภริยามีส่วนคนละเท่าใด และภริยาก็ทำนิติกรรมให้บุตรมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับสามีอันมีผลเท่ากับภริยายอมสละส่วนของตนให้แก่บุตรเท่านั้น นิติกรรมรายนี้จึงไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้บุตรโดยไม่เป็นไปตามหน้าที่ธรรมจรรยา และการประพฤติเนรคุณทำให้ถอนคืนการให้ได้
มารดายกที่ดินให้บุตร 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ ในขณะที่บุตรนั้นมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่ผู้เป็นมารดามีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะ ทั้งที่ดินเป็นจำนวนมาก ราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535(3)
การที่บุตรด่าว่ามารดาด้วยถ้อยคำว่า "อีแก่มึงจะโกงเงินกู อีแก่อย่าไปเก็บผลไม้ของกู ถ้าไม่เชื่อกูจะเอาตำรวจมาจับมึงข้อหาว่าลักทรัพย์" และด้วยถ้อยคำว่า "ใครแดกได้ก็แดกแดกไม่ได้ก็อย่าแดก" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดา ผู้เป็นบุพพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป นับได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทมารดาอย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531
การที่บุตรด่าว่ามารดาด้วยถ้อยคำว่า "อีแก่มึงจะโกงเงินกู อีแก่อย่าไปเก็บผลไม้ของกู ถ้าไม่เชื่อกูจะเอาตำรวจมาจับมึงข้อหาว่าลักทรัพย์" และด้วยถ้อยคำว่า "ใครแดกได้ก็แดกแดกไม่ได้ก็อย่าแดก" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดา ผู้เป็นบุพพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป นับได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทมารดาอย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้ผู้อื่น และความยินยอมของคู่สมรส ไม่ทำให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ยกและผู้รับ
ภริยาโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และโจทก์เป็นผู้ให้ความยินยอมในฐานะสามีถึงหากที่ดินนั้นจะเป็นของโจทก์และภริยาร่วมกัน เมื่อเอกสารมีข้อความชัดแจ้งว่าภริยาโจทก์เป็นผู้ยกที่ดินให้จำเลย กรณีก็ต้องบังคับตามข้อความในเอกสาร ที่โจทก์ให้ความยินยอมก็เป็นเพียงอนุญาตให้ภริยาทำการผูกพันสินบริคณห์ได้เท่านั้น โจทก์หามีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับจำเลยด้วยไม่ โจทก์จึงมิใช่ผู้ให้ทรัพย์สินแก่จำเลย และไม่มีสิทธิฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้ผู้อื่นโดยภริยา และความยินยอมของสามี ไม่สร้างนิติสัมพันธ์ระหว่างสามีกับผู้รับ
ภริยาโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และโจทก์เป็นผู้ให้ความยินยอมในฐานะสามี ถึงหากที่ดินนั้นจะเป็นของโจทก์และภริยาร่วมกัน เมื่อเอกสารมีข้อความชัดแจ้งว่าภริยาโจทก์เป็นผู้ยกที่ดินให้จำเลย กรณีก็ต้องบังคับตามข้อความในเอกสาร ที่โจทก์ให้ความยินยอมก็เป็นเพียงอนุญาตให้ภริยาทำการผูกพันสินบริคณห์ได้เท่านั้น โจทก์หามีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับจำเลยด้วยไม่ โจทก์จึงมิใช่ผู้ให้ทรัพย์สินแก่จำเลย และไม่มีสิทธิฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้เป็นการตอบแทนสละสิทธิ และการปลูกสร้างบนที่ดินที่ได้รับยกให้ โดยไม่ถือว่าเป็นการรุกล้ำ
หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมซึ่งทำภายหลังจากได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับเดิม มีข้อความตกลงว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าของร่วมคนอื่นยินยอมยกที่ดินในโฉนดที่ 3878ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยสละสิทธิ์ที่จะไม่ขอทำทางเท้าให้กว้างขึ้นเป็นถนนจากที่ดินโฉนดที่ 7386ผ่านที่ดินโฉนดที่ 3878 ไปสู่ถนนใหญ่ อันเป็นสิทธิที่จำเลยพึงเรียกร้องได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับแรกที่ทำไว้แต่เดิม ข้อตกลงเช่นนี้แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลผูกพันบังคับระหว่างคู่สัญญากันได้ ไม่ใช่สัญญาให้โดยเสน่หาและไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายจึงไม่อยู่ใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 456, 525ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยปลูกเรือนในที่ดินของจำเลยล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดอื่น อันเป็นส่วนที่จำเลยได้รับยกให้ตามสัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมดังกล่าวโดยโจทก์รู้เห็น และมิได้ทักท้วงเท่ากับโจทก์รับว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินพิพาทได้โจทก์ ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนหลังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และเจตนาจริงในการยกที่ดิน แม้เอกสารระบุผู้รับยกให้เพียงคนเดียว ศาลให้กันส่วนเงินจากการขายทอดตลาด
ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นที่ดินมี น.ส.3 และมีชื่อจำเลยเป็นผู้รับยกให้จาก ว. การที่ผู้ร้องนำสืบว่า ว. ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยและผู้ร้องตามคำสั่งของบิดามารดาผู้วายชนม์ แต่ในวันจดทะเบียนโอนผู้ร้องป่วย ไปรับโอนไม่ได้ จึงลงชื่อจำเลยเป็นผู้รับการยกให้แต่ผู้เดียวและหลังจากได้รับที่ดินแล้ว ผู้ร้องกับจำเลยได้นำเงินที่ทำมาหาได้ร่วมกันปลูกเรือนลงในที่ดินนั้นและใช้อยู่อาศัยด้วยกันมา เป็นเวลากว่า10 ปีแล้ว นั้น เป็นการนำสืบถึงเหตุแห่งความจริงเจตนาและความสัมพันธ์ของผู้ให้กับผู้รับการยกให้ แม้ตามเอกสารจะมีชื่อจำเลยเป็นผู้รับการยกให้แต่เพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร