คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกประโยชน์แห่งความสงสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานอ่อนแอ ขาดความน่าเชื่อถือ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คำพยานของผู้ที่ต้องหาว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่ถูกกันไว้เป็นพยานนั้นมีน้ำหนักน้อยยากแก่การรับฟังเป็นพยานหลักฐานยืนยันการกระทำของจำเลยได้ เพราะพยานอาจจะซัดทอดจำเลย และปกปิดการกระทำผิดของตนเองเสียเป็นการตอบแทนที่ตนมิต้องถูกฟ้องด้วย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวที่ศาลเห็นว่ามีน้ำหนักน้อยประกอบกับพฤติการณ์พยานโจทก์ก็ผิดปกติวิสัย กับทั้งขาดพยานหลักฐานซึ่งควรนำมาประกอบคดี เช่นนี้ถือว่าพยานหลักฐานโจทก์ตกอยู่ในข่ายสงสัยซึ่งศาลชอบที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า - ขาดเจตนา - พฤติการณ์ข่มขู่ - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
เพียงแต่จำเลยยกปืนยาวลูกซองขึ้น พานท้ายปืนเตรียมจะประทับบ่าไม่ได้ขึ้นนกปืน และไม่อยู่ในท่าที่พร้อมจะยิงได้ ก็มีผู้แย่งปืนไปจากมือจำเลยเสียก่อน เมื่อพฤติการณ์แห่งรูปคดีเห็นได้ว่าจำเลยเพียงทำท่าขู่หาได้มีเจตนาที่จะยิงจริงจังไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฆ่าคนตาย: หลักการยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
ในคดีความผิดฐานฆ่าคนตายนั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบกับหลักฐานทางวิชาการได้ความว่า ขณะปืนลั่นนั้น ปืนอยู่ในมือจำเลย มือของผู้ตายไม่มีอาการเกร็งและไม่มีรอยเขม่าดินปืน แต่ที่มือจำเลยมีเขม่าดินปืนมาก และวิถีกระสุนเฉียงผิดธรรมดาอันเป็นเพียงข้อคิดเห็นและความสันนิษฐานไม่แน่นอนเช่นนี้ เมื่อยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 29/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดจำเลย ฐานลักทรัพย์ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้กลอุบายทำทีเป็นขอเช่ารถยนต์จากผู้เสียหายที่ 3 เพื่อลักรถยนต์ โดยโจทก์อ้างว่าได้รับทราบข้อมูลจาก น. ดังนั้นโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความจริงตามข้อกล่าวหา แต่โจทก์กลับมีเพียงคำให้การของ น. ที่ให้การไว้ต่อพันตำรวจโท ช. ในชั้นสอบสวนเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่า ทั้งจำเลยทั้งสองก็นำสืบต่อสู้ว่า น. แต่เพียงผู้เดียวเป็นตัวการ ดำเนินการเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์คันดังกล่าวทั้งหมด จำเลยทั้งสองมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นด้วย คำให้การในชั้นสอบสวนของ น. เท่ากับเป็นพยานซัดทอด ซึ่งในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานนี้ ศาลจำต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนั้นโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227/1 วรรคหนึ่ง ดังนี้ แม้โจทก์อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 กับพวกเคยไปเช่ารถยนต์ที่ร้าน บ. แล้วนำรถยนต์ที่เช่าไป ก็ไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 กับพวกแต่อย่างใด ทั้งพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับความประพฤติในทางเสื่อมเสียของจำเลยที่ 1 ต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226/2 วรรคหนึ่ง พยานหลักฐานของโจทก์จึงตกเป็นที่สงสัยว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยทั้งสอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12795/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชั่งน้ำหนักพยานและการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญา การยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักฟังพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลย เป็นการใช้ดุลพินิจในการค้นหาเหตุผลจากพยานหลักฐานเหล่านั้นว่าควรจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่ ฝ่ายใดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่ากัน ศาลมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ได้ความจากการนำสืบของทั้งสองฝ่ายมาใช้ดุลพินิจรับฟังได้ตามสมควรตามพฤติการณ์แห่งคดี อันเป็นอำนาจโดยอิสระของศาลชั้นต้นในการค้นหาเหตุผลเพื่อหาข้อเท็จจริงแห่งคดีให้ได้ข้อยุติ ข้อที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์โต้แย้งว่าเหตุผลที่ศาลชั้นต้นหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย ก็เป็นเพียงความคิดเห็นของโจทก์ร่วม ทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติบังคับว่า หากเป็นรายละเอียดปลีกย่อยแล้วจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจไม่ได้ การใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานของศาลชั้นต้นจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่ถือเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเป็นการอุทธรณ์โดยยกเอาเรื่องการใช้ดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แล้วนำเอาหลักกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องมาปรับเพื่อให้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 352 วรรคแรก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13389/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดฐานพยายามฆ่าและมีอาวุธปืน ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การที่ ช. เคยถูกดำเนินคดีว่าร่วมกับจำเลยทั้งสองในคดีนี้พยายามฆ่าผู้เสียหาย แม้ขณะเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีนี้ ศาลพิพากษายกฟ้อง ช. แล้วก็ตาม คำเบิกความของ ช. ก็ยังมีลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดจึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนผู้เสียหายโจทก์ไม่สามารถนำมาเบิกความ คงอ้างส่งคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ครั้งแรกให้การว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายคือจำเลยที่ 1 ต่อมาให้การอีกครั้งว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงคือจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าจำหน้าคนร้ายสับสน ทำให้การที่ผู้เสียหายยืนยันว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายคือจำเลยที่ 2 ไม่มีน้ำหนัก ส่วน ส. ซึ่งอยู่ร่วมกับผู้เสียหายในคืนเกิดเหตุก็เบิกความยืนยันเฉพาะว่าเห็นจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ ช. ขับมาเท่านั้น ส่วนคนร้ายคนอื่นพยานไม่เห็นหน้าและมองไม่ทัน พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบจึงยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12569/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิด – รับของโจร – พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ – ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การวินิจฉัยพยานหลักฐานซึ่งถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227/1 ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนี้โดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน เมื่อปรากฏว่าพยานโจทก์มีประวัติความประพฤติในทางลักทรัพย์และเบิกความไม่อยู่กับร่องกับรอย จึงเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดที่ถือว่าไม่มีน้ำหนักอันหนักแน่นหรือมีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีอันควรแก่การเชื่อถือ ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12299/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีทำร้ายร่างกาย และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตาม ป.อ. มาตรา 371 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (1) (8) ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์ร่วมทั้งสองมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือว่าปัญหาดังกล่าวสำหรับโจทก์ร่วมทั้งสองยุติลง โจทก์ร่วมทั้งสองไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาโจทก์ร่วมทั้งสองมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีชำเรา ความพิรุธของคำให้การ และหลักการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นความผิด 2 กระทง กระทงแรกกระทำในขณะผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน 13 ปี อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสอง (เดิม) กระทงที่ 2 กระทำผิดในขณะผู้เสียหายอายุเกิน 13 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก (เดิม) แม้กระทงความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก (เดิม) จะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาซึ่งครอบคลุมไปถึงความผิดดังกล่าว ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องไปถึงได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ประกอบ มาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้นตรวจค้นสถานที่พักอาศัย: การค้นที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อผู้ครอบครองสถานที่อยู่ด้วย และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
มาตรา 102 บัญญัติให้เจ้าพนักงานค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัวของผู้นั้นหรือถ้าหาบุคคลเช่นกล่าวนั้นไม่ได้ ก็ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนซึ่งเจ้าพนักงานได้ร้องขอมาเป็นพยาน ดังนี้ แม้ขณะเริ่มลงมือค้นเจ้าพนักงานตำรวจจัดให้ จ. ซึ่งมิใช่บุคคลในครอบครัวจำเลยที่ 2 เป็นพยานในการค้นห้องจำเลยที่ 2 เพียงคนเดียวเพราะจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ก็ตาม แต่ระหว่างค้นจำเลยที่ 2 ได้กลับมานำเจ้าพนักงานตำรวจค้นห้องจำเลยที่ 2 ด้วยตนเองต่อไปจนกระทั่งค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง จึงถือว่าเจ้าพนักงานทำการค้นห้องจำเลยที่ 2 ต่อหน้าจำเลยที่ 2 ผู้ครอบครองสถานที่ตามมาตรา 102 แล้ว
of 6