พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รถบรรทุกยกเทไม่ใช่ส่วนประกอบเครื่องจักร ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
โจทก์นำรถยนต์บรรทุกยกเทเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นรถบรรทุกวัตถุดิบสำหรับผลิตซิเมนต์จากแหล่งวัตถุดิบมาส่งที่โรงงานของโจทก์ โดยสภาพของรถบรรทุกยกเทดังกล่าวมิใช่เป็นชิ้นส่วนประกอบเป็นตัวเครื่องจักร หรือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรทำงานแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ขนวัตถุดิบมาใช้ ในโรงงานของโจทก์เท่านั้น ทั้งยังได้ความว่ารถบรรทุกยกเทดังกล่าวนั้นเป็นรถขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 25 ตัน ถ้าใช้รถบรรทุกชนิดอื่นจะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการขนวัตถุดิบของโจทก์สูงขึ้น ซึ่งแสดงว่าโจทก์นำรถบรรทุกนี้มาใช้เพื่อประโยชน์แก่การลดต้นทุนการผลิตซิเมนต์ หาได้มีส่วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเครื่องจักรที่ผลิตซิเมนต์นั้นไม่ จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถบรรทุกต่อความเสียหายจากความประมาทของผู้ขับ เมื่อมีการจ้างเหมาเดินรถ
มีผู้ว่าจ้างรถบรรทุกไปเดินในทางส่วนตัวเพื่อรับคนโดยสารและบรรทุกของเช่นเดียวกันเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นเพราะความประมาทของผู้ขับ เจ้าของรถต้องรับผิดเพราะเป็นการกระทำในหน้าที่ลูกจ้างมิใช่ผู้ขับได้เปลี่ยนไปอยู่ในความควบคุมของผู้ว่าจ้างรถไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถบรรทุกต่อความประมาทของผู้ขับในฐานะลูกจ้าง
มีผู้ว่าจ้างรถบรรทุกไปเดินในทางส่วนตัวเพื่อรับคนโดยสารและบรรทุกของเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นเพราะความประมาทของผู้ขับ เจ้าของรถต้องรับผิดเพราะเป็นการกระทำในหน้าที่ลูกจ้างมิใช่ผู้ขับได้เปลี่ยนไปอยู่ในความควบคุมของผู้ที่ว่าจ้างต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รถบรรทุกรับผู้โดยสารร่วมเดินทางไม่มีค่าโดยสาร ไม่ถือเป็นรถโดยสารสาธารณะผิดกฎหมาย
ขับรถยนตร์สาธารณจดทะเบียนประเภทรถบรรทุกของ แล้วรับผู้โดยสารที่อาศัยกันไปหรือที่ควบคุมสิ่งของไปด้วย เช่นนี้ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขับรถบรรทุกเกินอัตรามีความผิด แม้ไม่ใช่ผู้บรรทุกเอง กฎกระทรวงออกตามอำนาจทั่วไปใช้บังคับได้
จำเลยขับรถที่บรรทุกเกินกำหนดอัตราในกฎกระทรวงถึงแม้จะมิได้บรรทุกเองก็ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7110/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถบรรทุกจากความผิดน้ำหนักเกินกฎหมายทางหลวง มีผลกระทบต่อความปลอดภัย
จำเลยใช้รถบรรทุกลากจูงและรถบรรทุกกึ่งพ่วงของกลางมีน้ำหนักบรรทุกรวมน้ำหนักรถเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ถึง 10,400 กิโลกรัม เพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ทางหลวงแผ่นดิน ทั้งยังมีผลกระทบต่อผู้ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมาที่ต้องเสี่ยงต่ออันตรายอันเกิดจากสภาพแห่งท้องถนนที่ได้รับความเสียหาย ทำให้ยากต่อการควบคุมให้รถแล่นไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งอาจมีผลก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นได้ ดังนั้น รถบรรทุกลากจูงและรถบรรทุกกึ่งพ่วงของกลางซึ่งใช้ในการกระทำความผิดจึงเป็นทรัพย์ที่สมควรต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3069/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถบรรทุกต้องรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลยให้คนขับบรรทุกน้ำหนักเกิน แม้มีระเบียบแต่ไม่ตรวจสอบ
ตามคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องมีประเด็นเพียงว่า ศาลจะสั่งคืนรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงของกลางให้แก่เจ้าของซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าสมควรริบรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงหรือไม่ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหลักซึ่งถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาในคำร้องขอคืนรถบรรทุกลากจูงและรถกึ่งพ่วงของกลางต่อไปอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้จำเลยจงใจฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินก็ตาม แต่ระเบียบและประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องใช้บังคับต่อจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องยังต้องมีหน้าที่ตรวจตราว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องดังกล่าวหรือไม่เพื่อมิให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย ทั้งการตรวจตรามิใช่เพียงแต่มีระเบียบและประกาศให้จำเลยปฏิบัติตามหรือหัวหน้างานโทรศัพท์สอบถามจากจำเลยเท่านั้น นอกจากนี้การที่ผู้ร้องไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในขณะที่มีการขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานของบริษัท น. ได้ ก็มิใช่ว่าผู้ร้องไม่อาจตรวจตราได้ว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ เมื่อผู้ร้องไม่มีการควบคุมตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องหรือไม่ ย่อมเป็นช่องทางให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนี้ การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องจนจำเลยบรรทุกน้ำหนักเกินเนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าน้ำหนักน้ำมันรถจะขาดหายไปพอดีกับน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้และจำเลยต้องการทำเวลาเพื่อจะได้ขับรถได้จำนวนหลายรอบ ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
แม้จำเลยจงใจฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินก็ตาม แต่ระเบียบและประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องใช้บังคับต่อจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องยังต้องมีหน้าที่ตรวจตราว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องดังกล่าวหรือไม่เพื่อมิให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย ทั้งการตรวจตรามิใช่เพียงแต่มีระเบียบและประกาศให้จำเลยปฏิบัติตามหรือหัวหน้างานโทรศัพท์สอบถามจากจำเลยเท่านั้น นอกจากนี้การที่ผู้ร้องไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในขณะที่มีการขนถ่ายสินค้าภายในโรงงานของบริษัท น. ได้ ก็มิใช่ว่าผู้ร้องไม่อาจตรวจตราได้ว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ เมื่อผู้ร้องไม่มีการควบคุมตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของผู้ร้องหรือไม่ ย่อมเป็นช่องทางให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนี้ การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยให้จำเลยฝ่าฝืนระเบียบและประกาศของผู้ร้องจนจำเลยบรรทุกน้ำหนักเกินเนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าน้ำหนักน้ำมันรถจะขาดหายไปพอดีกับน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้และจำเลยต้องการทำเวลาเพื่อจะได้ขับรถได้จำนวนหลายรอบ ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5642/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถบรรทุกน้ำหนักเกินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ศาลอุทธรณ์มีดุลพินิจไม่ริบได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยและสั่งริบรถยนต์บรรทุกของกลาง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์บรรทุกของกลางบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย รถยนต์บรรทุกของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ได้วินิจฉัยว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ ก็ฟังได้แล้วว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด ทั้งการสั่งริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) เป็นดุลพินิจของศาล การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าเห็นควรไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลางเท่ากับเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 (9) แล้ว
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ให้เช่ารถบรรทุกต่อการบรรทุกเกินน้ำหนัก โดยละเลยการควบคุมดูแลลูกจ้าง
ผู้ร้องมีรถบรรทุกของกลางไว้เพื่อรับจ้าง การที่ผู้ร้องขึงผ้ากระสอบไว้เพื่อกำหนดความสูงมิให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างบรรทุกน้ำหนักเกิน และกำชับจำเลยไม่ให้บรรทุกน้ำหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นเพียงวิธีการควบคุมเบื้องต้นและเป็นเรื่องภายในระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเท่านั้น แต่ผู้ร้องยังมีหน้าที่ตรวจตราโดยหาวิธีอื่นมาควบคุมมิให้จำเลยบรรทุกน้ำหนักเกินอีกด้วย มิใช่ปล่อยให้จำเลยขับรถบรรทุกของกลางไปบรรทุกข้าวเปลือกโดยไม่ควบคุมดูแลการบรรทุก ดังนั้น การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยจนจำเลยขับรถบรรทุกของกลางบรรทุกข้าวเปลือกน้ำหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3675/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สิน (รถบรรทุกและแร่) ที่ใช้ในการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.แร่ แม้ไม่มีการลงโทษผู้กระทำผิด
ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 154 วรรคสาม บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านต้องนำสืบพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าตนไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด เมื่อผู้คัดค้านนำสืบแต่เพียงลอย ๆ ว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลาง และไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ ว. ขณะเกิดเหตุได้ให้ ป. เช่าช่วงรถไปประกอบธุรกิจโดยมีสำเนาหนังสือสัญญาเช่าช่วง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่อาจทำขึ้นภายหลังเกิดเหตุได้โดยง่ายมาแสดง ทั้งไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ ทำให้มีน้ำหนักน้อย ผู้คัดค้านจึงยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติดังกล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามพยานหลักฐานของผู้ร้องว่า ในชั้นตรวจยึดรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลาง ว. ให้การเกี่ยวกับรถบรรทุกขนหินว่าเจ้าของรถเป็นผู้ว่าจ้างให้ขับรถขนหิน ตามบันทึกการตรวจยึด/กล่าวโทษ ประกอบกับตามสำเนารายการจดทะเบียนรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลางระบุว่า รถทั้งสองคันมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. เป็นผู้ประกอบการขนส่ง มีห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. และผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ พฤติการณ์แห่งคดีจึงเชื่อว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าของรถเป็นผู้ว่าจ้าง ว. และสั่งให้ ว. ขับรถบรรทุกขนแร่หินทรายของกลาง ผู้คัดค้านจึงมีโอกาสทราบหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า ว. จะกระทำความผิดและมีการนำรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 154 วรรคสาม จึงไม่มีเหตุที่จะคืนรถบรรทุกลากจูงและรถพ่วงของกลางให้แก่ผู้คัดค้าน