คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ระงับสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเบิกความเท็จและแจ้งความเท็จ หลักการระงับสิทธิการฟ้องคดีซ้ำ และการพิจารณาข้อหาแจ้งความเท็จ
จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจระบุว่าโจทก์ลักทรัพย์ของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ถูกอัยการฟ้องคดีอาญา
ศาลยกฟ้องเพราะจำเลยซึ่งเป็นเจ้าทรัพย์เบิกความว่าไม่ได้ระบุใครเป็นคนร้าย คดีถึงที่สุด อัยการจึงฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จโดยความจริงจำเลยแจ้งระบุชื่อโจทก์เป็นคนร้าย จำเลยรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษคดีถึงที่สุดโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ หาว่าจำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นเท็จและเบิกความในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักทรัพย์เป็นเท็จดังนี้ ข้อหาฐานเบิกความเท็จสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ฟ้องจะกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จเป็นคนละตอนกับคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง แต่เป็นกรรมเดียววาระเดียว เป็นการกระทำอันเดียวกันตามหลักกฎหมายทั่วไปพึงฟ้องร้องได้ครั้งเดียวส่วนข้อหาแจ้งความเท็จยังมิได้มีการฟ้องมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแต่ประการใดแม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้วถ้อยคำที่จำเลยแจ้งความอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ และศาลก็พิพากษาว่าเบิกความเท็จในข้อหาอื่น ไม่ใช่ในข้อว่าโจทก์เป็นคนร้าย ตามรูปคดีและที่โจทก์นำสืบเห็นว่าคดีของโจทก์ฐานแจ้งความเท็จมีมูล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากทั้งผู้กระทำละเมิดและนายจ้างที่ต้องรับผิดร่วม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายจ้างในทางการที่จ้างโดยประมาทเลินเล่อ ชนโจทก์บาดเจ็บ ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย 99,000 บาท ได้ความว่า ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมรับค่าเสียหายในมูลละเมิดนี้ 4,000 บาท ดังนี้ สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดนั้นย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 คงมีแต่สิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น จะมาฟ้องให้รับผิดฐานละเมิดเช่นนี้อีกไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 1 นั้น โดยตนเองมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ หากแต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 บัญญัติให้ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดในฐานะที่เป็นนายจ้าง เมื่อหนี้ในมูลละเมิดในกรณีนี้ได้ระงับสิ้นไปดังกล่าวแล้ว ความรับผิดของจำเลยที่ 1 ก็ย่อมระงับสิ้นไปด้วย โจทก์จึงฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 2 นั้นอีกไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162-163/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การจำหน่ายคดีมิใช่การระงับสิทธิฟ้องใหม่
คดีอาญานั้น เมื่อโจทก์ทิ้งฟ้องก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของจำเลย ศาลจึงควรพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 แต่ศาลชั้นต้นกลับสั่งจำหน่ายคดีนั้น เมื่อจำเลยไม่อุทธรณ์ผลแห่งคดีจึงคงเป็นว่า ศาลสั่งจำหน่ายคดีอยู่นั่นเองซึ่งไม่ทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องใหม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39ฉะนั้นโจทก์จึงฟ้องใหม่ได้ภายในอายุความ โดยไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับสิทธิในสัญญาก่อนหน้า สิทธิและหน้าที่จึงอยู่ภายใต้สัญญาใหม่ การบังคับคดีจึงทำไม่ได้หากไม่มีฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างจำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาและทิ้งงาน จำเลยต้องจ้างคนอื่นแทน ให้โจทก์ใช้เงินที่ต้องจ้างเกินไป ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยสละสิทธิ ที่อ้างมาในฟ้องและในฟ้องแย้งทั้งสิ้นให้โจทก์จำเลยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาซึ่งทำกันใหม่พร้อมสัญญาประนีประนอมยอมความ
ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมมิได้ให้คู่ความฝ่ายใดแพ้คดีหรือชนะคดี ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีเกิดขึ้นสัญญาจ้างเหมารายใหม่จึงมิใช่อยู่ในข่ายบังคับคดีที่ศาลพิพากษา คู่ความฝ่ายใดจะอ้างว่าตนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพราะเหตุผิดสัญญารายใหม่ให้มีการบังคับคดีในคดีนี้ โดยไม่มีการฟ้องร้องเสนอคดีต่อศาลเป็นคดีใหม่หาได้ไม่
และในกรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ศาลสั่งหรือพิพากษาล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายหนึ่งหมดสิทธิเรียกร้องดังที่ระบุไว้ในสัญญารายใหม่เมื่อมีกรณีผิดสัญญาเกิดขึ้นนั้น โดยฝ่ายนั้นยังไม่ทันใช้สิทธิเรียกร้องเลย ก็หาอาจทำได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดต่อส่วนตัว ย่อมระงับสิทธิในการฟ้อง
คดีความผิดฐานกระทำอนาจารซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวอันยอมความได้นั้น ถ้ามารดาของผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ถอนคำร้องทุกข์โดยผู้เสียหายยินยอมไม่คัดค้านสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) อัยการโจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะดำเนินคดีนั้นต่อไปอีก ฉะนั้น การที่อัยการโจทก์แถลงขอผัดเวลายื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดยจะไปขออนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดก่อน เพื่อมิให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ย่อมไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองแปลงหนี้: การขายที่ดินชำระหนี้ทำให้สิทธิไถ่ถอนระงับ
ผู้จำนองตกลงขายที่ดินที่จำนองให้แก่ผู้รับจำนองโดยให้เงินที่ค้างชำระเป็นการชำระราคานั้น ถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่แล้ว สิทธิขอไถ่ถอนก็ย่อมเป็นอันระงับไป
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแขวงพิพากษาให้จำเลยแพ้โดยไม่สืบพยานไม่ชอบ ขอให้กลับศาลแขวงสั่งให้ศาลนั้นโอนคดีดังนี้ตีความได้ว่าขอให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงและสั่งให้ศาลนั้นโอนคดี
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์และฎีกาแล้วขอให้โอนคดีนั้นศาลฎีกาให้คู่ความไปว่ากล่าวกันตามวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสิทธิเรียกร้องอาญา: คดีเดียวกัน, ลงโทษแล้ว, ห้ามฟ้องซ้ำ
จำเลยถูกอัยยการฟ้องและศาลพิพากษาลงโทษแล้วคดีที่เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีความผิดนั้นก็เป็นอันระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9066/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน-ระงับสิทธิ: คดีร้านวีดิทัศน์ไม่ได้รับใบอนุญาต แม้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ฟ้องซ้ำเป็นฟ้องซ้อน
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดฐานจัดตั้งและประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 53 วรรคหนึ่ง ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง รวม 3 คดี เมื่อสถานที่เกิดเหตุทั้งสามคดีเป็นสถานที่เดียวกัน คือโรงแรมของจำเลย โดยที่ฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยในทั้งสามคดีเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 53 วรรคหนึ่ง ฐานจัดตั้งหรือประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนซึ่งมีสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอันเดียวกัน ข้อเท็จจริงแห่งการกระทำความผิดตามที่โจทก์บรรยายฟ้องจึงเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ขณะที่คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1019/2558 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันอยู่ในระหว่างพิจารณา ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าว ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 และ ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความว่า ต่อมาคดีหมายเลขแดงที่ อ. 4674/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ อ. 1019/2558 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อความผิดของจำเลยในคดีนี้อาศัยข้อเท็จจริงอันเดียวกันกับคดีดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้ว กรณีถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง ศาลไม่อาจมีการพิจารณาพิพากษาความผิดในคดีนี้ของจำเลยซ้ำอีกได้ เพราะสิทธินำคดีอาญาในข้อหาความผิดดังกล่าวของโจทก์ระงับสิ้นไปตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12616/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก & การระงับสิทธิ: สิทธิของบุคคลภายนอกย่อมคงอยู่ แม้คู่สัญญาจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขภายหลัง
การตกลงกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 ให้จำเลยที่ 4 จ่ายเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้างทั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 นอกจากเป็นการโอนสิทธิเรียกร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 วรรคหนึ่ง แล้ว ยังมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกตามมาตรา 374 ด้วย โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับประโยชน์จากสัญญาโอนสิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 มีหนังสือถึงจำเลยที่ 4 ให้สั่งจ่ายเช็คค่างวดงานก่อสร้างแก่โจทก์โดยตรง อันเป็นการแสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นตามมาตรา 374 วรรคสอง เมื่อสิทธิของโจทก์ได้เกิดมีขึ้นแล้ว จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 คู่สัญญาย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธิของโจทก์นั้นในภายหลังได้ ดังนั้นที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งระงับการโอนสิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างโดยให้จำเลยที่ 4 ส่งเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยที่ 1 โดยตรง จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 375 ไม่มีผลผูกพันโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมบนที่ดิน แม้ระงับตามกฎหมาย แต่เจ้าของที่ดินห้ามยกข้อต่อสู้หากไม่ได้จดทะเบียนระงับสิทธิ
ขณะโจทก์ทั้งสองซื้อโฉนดที่ดินพิพาท ตามสารบัญการจดทะเบียนปรากฏทรัพยสิทธิ คือ ภาระจำยอมบนที่ดินของจำเลย โดยจำเลยมิได้ใช้สิทธิโต้แย้งทรัพยสิทธิดังกล่าว โจทก์ทั้งสองย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่าภาระจำยอมยังคงอยู่ แม้ทางภาระจำยอมพิพาทจะไม่มีการใช้ประโยชน์เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ย่อมระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399 แต่เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ยังมิได้จดทะเบียนระงับภาระจำยอมนั้น จำเลยจะยกเอาการระงับแห่งภาระจำยอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับโอนสามยทรัพย์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหาได้ไม่
of 5